พลังงานทดแทน | Green Network

Green Network — Mon, 02 Oct 2023 08:51:07 +0000

นนทบุร�?– 2 ตุลาคม 2566 : บริษัท รา�?กรุ๊�?จำกั�?(มหาช�? แจ้งว่�?วันนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 29.7 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย เสากังหันลมขนาด 3.3 เมกะวัตต์ จำนว�?9 ชุ�?ดำเนินงานโดยบริษั�?อีโค่วิน เอ็นเนอร์จี�?คอร์ปอเรชั่�?จำกั�?/strong> ซึ่งบริษัท�?ร่วมถือหุ้�?ร้อยละ 51 ได้เ��ิ่มเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 29 กันยาย�?ที่ผ่านม�?กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จะจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าเวียดนา�?(Vietnam Electricity: EVN) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้�?ระยะเวล�?20 ปี

โรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วินแห่งนี้ เป็นโครงการพลังงานลมติดตั้งบนบก (Onshore Wind Farm) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ห่างจากเมืองโฮจิมินห�?ประมาณ 180 กิโลเมต�?ในประเทศเวียดนา�?โดยก่อนหน้านี้ได้ทำการทดสอบเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Trial Run) และทดสอบความน่าเชื่อถือของการเดินเครื่องเป็นระยะเวลาต่อเนื่อ�?(Reliability Test) ตามมาตรฐานของเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ชูศร�?เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท รา�?กรุ๊�?จำกั�?(มหาช�? กล่าวว่า โรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิ�?ถือเป็นโครงการพลังงานทดแทนแห่งที่สามของบริษัทฯ ในประเทศเวียดนามที่ผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ นอกเหนือจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำซองเกียง 2 และค๊อคซาน รวมกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นทั้งสามโครงการ 49.63 เมกะวัตต์ นอกจากนี�?บริษัท�?ยังมีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้างอี�?2 โครงกา�?ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำซองเกียง 1 และ��รงไฟฟ้าพลังงานลมเบ็นแ�?รวมกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้�?65.15 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้งสองโครงการมีกำหนดจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2567 แล�?ปี 2568 ตามลำดับ

“เวียดนาม”�?ถือเป็นประเทศเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัท�?เนื่องจากมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อ�?และยังมีการกำหนดแผนการพัฒนาไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไว้อย่างชัดเจน ทั้งพลังงานน้ำ พลังงานลมบนบ�?พลังงานลมนอกชายฝั่�?และพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัท�?มองเห็นศักยภาพในการขยายการลงทุนต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศเวียดนามได้ โดยดำเนินการผ่านบริษัท�?เอง หรือผ่านบริษัทร่วมทุ�?เน็กส์ซิฟ รา�?เอ็นเนอร์จี อินเวสเมนต์ (NEXIF RATCH Energy Investment : NREI) ทั้งนี�?บริษัท�?มีเป้าหมายที่จะขยายกำลังผลิตจากพลังงานทดแทนให้ได้ถึ�?4,000 เมกะวัตต์ ภายในป�?2578”�?ชูศร�?/strong> กล่า�?/p> ปัจจุบัน บริษัท�?ลงทุนโครงการพลังงานทดแทน รวมกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้�?2,933 เมกะวัตต์ คิดเป็นร้อยล�?27 ของกำลังผลิตรว�?10,807 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังการผลิตเดินเครื่องเชิงพาณิชย์สร้างรายได้แล้�?1,566 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้างอีก 1,367 เมกะวัตต์ ทั้งนี�?ประเทศออสเตรเลี�?ถือเป็นฐานธุรกิจหลักด้านพลังงานทดแทนของบริษัทฯ ด้วยกำลังการผลิตตามการถือหุ้นรวม 1,379.69 เมกะวัตต์ รองลงมาได้แก�?สป�?ลา�?669.10 เมกะวัตต์ ประเทศฟิลิปปินส์ 549.83 เมกะวัตต์ ประเทศอินโดนีเซี�?123.05 เมกะวัตต์ ประเทศเวียดนา�?114.78 เมกะวัตต์ ประเทศไท�?94.76 เมกะวัตต์ และญี่ปุ่น 2.02 เมกะวัตต์ โครงการในประเทศไท�?สป�?ลา�?ออสเตรเลี�?อินโดนีเซี�?เวียดนา�?ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น โดยมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ลงทุนแล้วรวม 10,807.35 เมกะวัตต์ โดยเป็นกำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 7,889.12 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตที่กำลังพัฒนาและก่อสร้า�?รว�?2,918.23 เมกะวัตต์
นอกจากนี�?บริษัท�?ยังได้รับการรับรองฐานะการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไท�?และจัดอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนและดัชนี SETTHSI ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไท�?/p>The post รา�?กรุ๊�?ประกาศโรงไฟฟ้าพลัง��านลมอีโค่วิ�?29.7 เมกะวัตต์ในเวียดนา�?เดินเครื่องเชิงพาณิชย์จำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าเวียดนา�?เป็นระยะเวล�?20 ปี first appeared on Green Network.

พลังงานทดแทน | Green Network

Green Network — Mon, 04 Sep 2023 06:11:38 +0000

บริษัท รา�?กรุ๊�?จำกั�?(มหาช�? ชูแผนกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลั�?มุ่งเน้�?5 แนวทาง ประกอบด้วย 1) การเร่งพัฒนาโครงการในพอร์ตของบริษัทร่วมทุน เน็กส์ซิฟ รา�?เอ็นเนอร์ยี อินเวสเม้นต�?(NREI) และบริษั�?รา�?ออสเตรเลี�?คอร์ปอเรชั่�?จำกั�?(RAC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในออสเตรเลี�?2) แสวงหาการลงทุนในตลาดเดิมที่มีศักยภา�?และตลาดใหม่เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว 3) การบริหารสินทรัพย์เพื่อสร้างรายได้และการเติบโตอย่างยั่งยื�?4) การบริหารโครงการที่กำลังก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าให้กับลูกค้าได้ตามกำหนดเวล�?และ�?5) มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในป�?2050 แนวทางดังกล่าวนี้จะช่วยให้บริษัท�?สามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันกำลังการผลิตที่บริษัทฯ รับรู้ตามสัดส่วนการลงทุนได้เพิ่มขึ้นถึ�?10,807.35 เมกะวัตต์ พร้อมตั้งเป้าหมายในป�?2566 เพิ่มความสามารถในการทำกำไรของสินทรัพย์และบริหารประสิทธิภาพทางการเงิ�?กำลังการผลิตพลังงานทดแทน 20% ของกำลังการผลิตรวมบริษัทฯ�?พัฒนาโครงการในพอร์�?NREI RAC และธุรกิ�?Non-power และขับเคลื่อนเป้าหมายกลยุทธ์ความยั่งยืนและกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากา�?/p>
ชูศร�?เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท รา�?กรุ๊�?จำกั�?(มหาช�? เปิดเผยถึงการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลั�?2566ว่า�?บริษัท�?ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่มีอยู่ในพอร์ตของ NREI แล�?RAC รว�?9 โครงกา�?กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น รว�?1,116.98 เมกะวัตต์ โด�?4 โครงกา�?ตั้งอยู่ในฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่สำคัญของบริษัท�?ประกอบด้วยโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่ง ได้แก่ โครงการคาลาบังก้�?กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 36.33 เมกะวัตต์ กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2567 และโครงการ NPSI กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 73.5 เมกะวัตต์ กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2568

และโครงการพลังงานลมบนชายฝั่ง และในทะเ�?อี�?2 โครงกา�?รวมกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นประมา�?550 เมกะวัตต์ ตามด้วยโครงการพลังงานน้ำ 5.55 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 59.60 เมกะวัตต์ในเวียดนามอีก 2 โครงกา�?กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น รว�?65.15 เมกะวัตต์ และอีก 3 โครงการในออสเตรเลี�?กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรว�?502 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานล�?252 เมกะวัตต์โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 150 เมกะวัตต์ และโครงการระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี�?100 เมกะวัตต์   ซึ่งหากทำได้ตามแผนจะรับรู้รายได้ทุกป�?/p>
นอกจากนี�?บริษัท�?ยังได้แสวงหาโอกาสต่อยอดการลงทุนและประสานความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำในการขยายฐานธุรกิจในตลาดเดิมและตลาดใหม่ โดยตลาดเดิมที่มีศักยภา�?ได้แก่ ไท�?สป�?ลา�?อินโดนีเซี�?เวียดนา�?และออสเตรเลี�?ทั้งในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและนอกภาคการผลิตไฟฟ้�?ได้แก่ บริการทางการแพทย์และดูแลสุขภาพ โดยพิจารณาการลงทุนผสมผสานทั้งโครงการประเภท Greenfields หรือ Brownfields รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการที่ดำเนินงานแล้ว เพื่อให้พอร์ตการลงทุนสมดุลและอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ส่วนตลาดใหม่ ได้แก่ เวียดนา�?อินโดนีเซี�?และฟิลิปปินสฺ์ ซึ่งบริษัท�?ลงทุนเป็นครั้งแร�?/p>
“ในปีนี้บริษัท�?ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์ โดยโครงการพลังงานแสงอาทิตย์คาลาบังก้�?กำลังการผลิตติดตั้�?74 เมกะวัตต์สูงสุด อยู่ระหว่างการก่อสร้างและกำหนดจะผลิตไฟฟ้าจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปี 2567 ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ร้อยละ 85 มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับบริษัทในเครือขอ�?AboitizPower, AP Renewables แล�?Aventenergy นอกจากนี�?ยังมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย�?NPSI ขนาดกำลังการผลิตติดตั้�?150 เมกะวัตต์สูงสุด รวมทั้งโครงการพลังงานลมบนชายฝั่งอ่าวซานมิเกล และโครงการพลังงานลมในทะเ�?ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่กำลังการผลิตติดตั้งประมา�?400-450 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในป�?2568   ปี 2570 และป�?2571 ตามลำดับ ส่วนในออสเตรเลียได้เริ่มพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย�?กำลังการผลิตติดตั้�?150 เมกะวัตต์สูงสุด ซึ่งคาดหมายว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2568 นอกจากนี�?บริษัท�?ยังได้ดำเนินการศึกษาเพื่อหาลู่ทางการลงทุนในตลาดประเทศพัฒนาแล้�?ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแท�?โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่มีศักยภาพสามารถเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงไฮโดรเจนได�?ตลอดจนโครงการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในออสเตรเลี�?ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก กอปรกับบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอยู่หลายแห่งจึงถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจ อีกทั้งยังจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในป�?2050 (�?�? 2593)   ได้เป็นอย่างดี�? ชูศร�?/strong> กล่า�?/p> สำหรับโครงการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Green Hydrogen) ในออสเตรเลี�?ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยี ถ้าสามารถหาคู่ค้าได้ คาดว่าในปี 2568 จะเห็นโครงการ Green Hydrogen ในออสเตรเลี�?โดยใช้เงินลงทุน Pilot Plant รา�?250-250 ล้านเหรียญสหรัฐ
ชูศร�?/strong> กล่าวว่า บริษัท�?ได้ตั้งงบลงทุนสำหรับการขยายการเติบโตในป�?2566 คิดเป็นเงิ�?35,000 ล้านบา�?แบ่งเป็นธุรกิจไฟฟ้า 29,000 ล้านบาท�?และธุรกิจ�?Non-power 6,000 ล้านบา�?โดยใช้เงินลงทุนครึ่งปีแรกในธุรกิจไฟฟ้าแล้�?651 ล้านบา�?และใช้เงินลงทุนครึ่งปีแรกในธุรกิจ Non-power 301 ล้านบา�?/p> บริษัท�?ยังให้ความสำคัญกับการบริหารประสิทธิภาพสินทรัพย�?เพื่อสร้างการเติบโตและความมั่นคงของรายได�?โดยกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็กประเภทโคเจนเนอเรชั่นในประเทศไท�?ได้มุ่งเน้นด้านการตลาดเพื่อเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรมซื้อไฟฟ้าและไอน้ำให้เต็มกำลังการผลิตที่มีอยู่ ขณะที่โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในประเทศและต่างประเทศ จะเน้นที่การรักษาประสิทธิภาพความพร้อมจ่ายรองรับคำสั่งเดินเครื่องของลูกค้�?บริหารจัดการเชื้อเพลิงและต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้�?ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำและติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากา�?เพื่อประเมินความเสี่ยงและบริหารการผลิตไฟฟ้าให้ได้ตามสัญญา ปัจจุบันบริษัท�?มีกำลังการผลิตเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 7,873.96เมกะวัตต์ และมีโครงการที่กำลังพัฒนาและก่อสร้าง ซึ่งจะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ป�?2566 จนถึ�?ปี 2576 มีจำนวนรวม 20 โครงกา�?กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรว�?2,933.39 เมกะวัตต์ ทั้งนี้หากเสร็จตามแผนตั้งแต่ป�?2566 ถึ�?2576 รวมระยะเวล�?10 ปี ส่งผลให้บริษัท�?มีกำลังการผลิตรว�?10,807.35 เมกะวัตต์

ชูศร�?/strong> กล่าวว่า สำหรับการจัดการลดก๊าซเรือนกระจ�?ในปีนี�?บริษัท�?ได้กำหนดแผนกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากา�?โดยม�?3 แนวทาง คื�?การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจ�?การขยายการลงทุนในธุรกิ�?สีเขียว และการชดเชยและซื้�?ขายคาร์บอน ซึ่งแต่ละแนวทางได้กำหนดเป้าหมายระยะกลางในป�?2030 ไว้อย่างชัดเจน ประกอบด้วย การลดปริมาณความเข้มข้นของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยไฟฟ้า (GHG Intensity) ในโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานฟอสซิลให้ได�?15% เทียบกับปีฐาน 2566   การเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทนให้ถึง 30% และวางเป้าหมายดูดกลับก๊าซเรือนกระจกจากป่าไม้ (คาร์บอนเครดิ�? ให้ได้ 1% ของปริมาณการปล่อยทั้งหมด ด้วยการปลูกป่า ฟื้นฟูป่�?โดยบริษัทฯ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวแล้�?/p>
ทั้งนี�?ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 9/2566 เมื่อวันที่ 18 สิงหาค�?ที่ผ่านม�?ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานรอ�?6 เดือนแร�?(วันที่ 1 มกราคม �?30 มิถุนายน 2566) เป็นเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลจำนว�?1,740 ล้านบา�?คิดเป็�?0.80 บาทต่อหุ้น ตามกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 4 กันยาย�?2566 โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 กันยาย�?ศกนี�?/p>The post รา�?กรุ๊ป ชูแผนกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง พัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในต่างประเทศ 9 โครงกา�?หนุนกำลังการผลิตกว่า 10,000 MW ใน 10 ปีข้างหน้า มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บ��นในป�?2050 first appeared on Green Network.

พลังงานทดแทน | Green Network

Green Network — Fri, 25 Aug 2023 06:49:26 +0000

22 สิงหาค�?2566 – นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่ากา�?MEA หรือการไฟฟ้านครหลว�?พร้อมด้ว�?พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิ�?/span> อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงพร้อมสัญญาให้บริกา�?โครงการติดตั้งและบำรุงรักษาอุปกรณ์ประหยัดพลังงานในระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่า�?ลดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม ระหว่า�?MEA กั�?กรมประชาสัมพันธ์ โดยม�?คณะผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นเกียรติในพิธี �?อาคารวัฒนวิภาส การไฟฟ้านครหลว�?สำนักงานใหญ่ คลองเตย

นายวิลาศ เฉลยสัตย์ แล�?พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิ�?/figcaption>

ผู้ว่ากา�?MEA เปิดเผยว่�?MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไท�?มีหน้าที่ดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้�?ขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐด้านพลังงานหมุนเวียน พร้อมให้ความร่วมมือทุกภาคส่วนส่งเสริมดำเนินตามนโยบายภาครัฐ ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้หน่วยงานราชการลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลงร้อยละ 20 เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการใช้ไฟฟ้�?ในการใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่สะอาด ลดภาวะโลกร้อ�?ลดภาระการใช้พลังงานไฟฟ้าของชาต�?และสร้างความมั่นคงและคุณภาพโครงข่ายระบบจำหน่ายไฟฟ้าโดยรว�?ซึ่งความร่วมมือกับกรมประชาสัมพันธ์ครั้งนี้ ได้สนับสนุนการติดตั้�?Solar Rooftop รวมกำลังการผลิตขนา�?3,510.84 กิโลวัตต�?โดยตลอดระยะเวลาโครงการ 25 ปี เมื่อรวมกับค่�?ft แล้ว คาดว่าจะทำให�?กรมประชาสัมพันธ์ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 125 ถึ�?175 ล้านบา�?หรือคิดเป็�?5 ถึ�?7 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมา�?53,000 ตั�?หรือคิดเป็�?2,120 ตันต่อปี

โดยปัจจุบั�?MEA ได้ให้บริการโครงการดังกล่าวแก่หน่วยงานภาครัฐ รว�?11 แห่ง เช่�?สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาต�?(ปป�?), การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไท�?(รฟ�?/MRT), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลั�?มีกำลังผลิตติดตั้งรว�?17 MWp ลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลประมาณ 21,270,000.00 kWh/ปี คิดเป็นการลดคาร์บอนไดออกไซด์ลง 11,900 tonCo2/ปี หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 680,000 ต้�?โดยในอนาคต ยังมีแผนที่จะร่วมกับหน่วยงานต่าง �?ในสังกัดกรุงเทพมหานคร การประปานครหลว�?การประปาส่วนภูมิภา�?มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิกา�?กระทรวงคมนาค�?กองทัพเรื�?กองทัพบก กองทัพอากา�?ฯล�?โดยจะเน้นไปที่กลุ่มหน่วยงานราชกา�?/p>
อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ เป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบา�?ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางก��รประชาสัมพันธ์ภาครัฐ เพื่อให้การดําเนินงานประชาสัมพันธ์เป็นไปอย่างมีระบบ ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์มีความเชื่อมั่นให�?MEA ในฐานะหน่วยงานที่มีเชี่ยวชาญเทคโนโลยีจำหน่ายกระแสไฟฟ้าด้วยระบบการใช้พลังงานทดแท�?และเชื่อมต่อกับระบบโครง��่ายไฟฟ้าและติดตั้งอุปกรณ์ตามมาตรฐานของ MEA ซึ่งการร่วมกันดำเนินโครงการในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่จะสามารถขยายผลความร่วมมืออันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยั่งยืน

ที่ม�? การไฟฟ้านครหลว�?MEAThe post MEA ร่วม กรมประชาสัมพันธ์ ลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการติดตั้ง Solar Rooftop first appeared on Green Network.

พลังงานทดแทน | Green Network

Green Network — Mon, 21 Aug 2023 01:45:28 +0000

กระทรวงพลังงาน ร่วมกั�?บริษัท แก�?อินเตอร์เนชั่นแนล จำกั�?จัดงาน SETA 2023แล�?Solar+Storage Asia 2023 งานพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชี�?ภายใต้แนวคิด “Driving Asia’s Energy Transition Pathways to Carbon Neutrality�?ระหว่างวันที�?17-18 สิงหาค�?�?�?2566 ที�?โรงแรมเซ็นทาราแกรนด�?แอ�?เซ็นทรัลเวิลด�?กรุงเทพ�?เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและผลักดันการใช้พลังงานสะอาด และเดินหน้าสู่เป้าหมา�?Carbon Neutrality แล�?Net Zero

ดร. สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า งานพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชี�?หรือSETA 2023 (Sustainable Energy Technology Asia) และงานSolar+Storage Asia 2023 จัดขึ้นภายใต้แนวคิ�?“Driving Asia’s Energy Transition Pathways to Carbon Neutrality�?ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยที่ต้องการบรรลุเป้าหมา�?Carbon Neutrality ภายในป�?�?�?2593และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในป�?�?�?2598 เป็นเวทีการจัดงานเพื่อรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในภาคอุตสาหกรรมพลังงานในเอเชี�?ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างยั่งยื�?การพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวซึ่งถือเป็นความท้าทายมากเพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายการใช้งานในประเทศไทยและในภูมิภา�?รวมทั้งการสร้างแพลตฟอร์มต่างๆที่เกี่ยวกับการรองรับตลาดพลังงานแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงาน พร้อมเปิดพรมแดนความร่วมมือด้านพลังงานและโอกาสจับคู่ทางธุรกิจกับงานสัปดาห์พลังงานไท�?เกาหล�?(Thailand-Korea Energy Week) โดยความร่วมมือของกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน กระทรวงเอสเอ็มอีและสตาร์ทอั�?/strong> ของประเทศเกาหลีใต้ภายในงานด้วย

ทั้งนี�?รัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนนโยบายด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกภายในประเทศมาอย่างต่อเนื่อ�?เพื่อลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลที่หาได้จากในปัจจุบั�?ผลักดันการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผลักดันการขนส่งทางถนนเป็นขนส่งด้วยระบบรางที่รัฐบาลกำลังก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนทางรางในแต่ละเส้นทาง รวมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และจัดทำแผนบริหารจัดการพลังงานรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรอบด้านตามแผนพลังงานชาติ

มร.โอบะ ยูอิชิ รองหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไท�? กล่าวว่า ปัญหาด้านพลังงานที่หายากและขาดแคลนในหลายๆประเทศส่งผลให้ราคาพลังงานสูงขึ้น ดังนั้นการเข้าร่วมในจัดงานSETA 2023แล�?Solar+Storage Asia 2023 ของผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่�?ประเทศไท�?เกาหล�?และอื่นๆที่นำองค์ความรู้ แนวการจัดการพลังงา�?การสร้างแพลตฟอร์มด้านพลังงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมในภูมิภาคและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดระหว่างกันจะช่วยทำให้การบริหารจัดการด้านพลังงานในภูมิภาคมีแนวคิ�?มีเสียงสะท้อนที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในแต่ละประเทศจะนำกลับไปทบทวนปรับใช้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้เกิดการต่อเชื่อมและขยายเครือข่ายธุรกิจและการเจรจาธุรกิจ เพิ่มโอกาสการลงทุนและเพิ่มเม็ดเงินในการลงทุนในภูมิมากมากยิ่งขึ้นด้ว�?/p>

วีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟ�?/span> รองปลัดกระทรวงพลังงา�?/strong> กล่าวว่า พลังงานเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ และพลังงานจากฟอสซิลในปัจจุบันลดล�?หายากและมีราคาแพ�?ทำให้กระทรวงพลังงานซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่กำกับดูแลด้านพลังงานได้จัดทำนโยบายการบริหารพลังงานให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ โดยคำนึงถึ�?ประชาช�?สภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากา�?ซึ่งทางกระทรวงพลังงานได้มีการทำแผนหลายๆหน่วยงานในสังกัดรองรั�?ไม่ว่าจะเป็�?การเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดจากโรงไฟฟ้าใหม่�?การพัฒนาและยกระดับเทคโนโลยีระบบไฟฟ้�?การเปิดเสรีจัดหาพลังงานสะอาดมาทดแทนน้ำมันเพื่อสร้างความมั่นคงของประเทศ สร้างสมดุลไปพร้อมๆกับการสร้างเทคโนโลยีด้านพลังงานรองรับการเปลี่ยนผ่านระหว่างผู้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมัน น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพและยานยนต์ไฟฟ้�?(EV) และที่สำคัญการทำแผนด้านพลังงานต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในสังคมสร้างพลังงานที่เข้มแข็งภายในประเทศก่อนนำเข้าเชื้อเพลิงพลังงานจากต่างประเทศให้คนไทยใช้พลังงานในราคาที่ไม่สูงจนเกินไ�?/p>
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงาน SETA 2023แล�?Solar+Storage Asia 2023 ผู้เข้าร่วมงานที่เป็นผู้ประกอบการชาวไทยจะได้รับองค์ความรู้ด้านพลังงานนำไปใช้ในภาคส่วนธุรกิจด้านพลังงานต่าง�?เพื่อพัฒนาพลังงานของประเทศไทยให้ทัดเทียมในระดับสากล�?วีรพัฒน์ กล่า�?/p>

ประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโ�?/span> รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไท�?(กฟ�?) กล่าวว่า กฟ�? ถือเป็นหนึ่งในองค์กรหลักด้านพลังงานของไท�?โดยเฉพาะด้านการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ภายใต้กลยุทธ�?“Triple S�?คื�?Source Transformation เพื่อเปลี่ยนแปลงแหล่งพลังงานของไทยจากแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่แหล่งพลังงานหมุนเวียน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย�?ลม และชีวมว�?Sink Co-creation เพิ่มปริมาณการดูดซับกักเก็บคาร์บอน แล�?Support Measure Mechanism กลไกการสนับสนุนโครงการชดเชยและหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นรูปธรรม ผ่านการริเริ่มโครงการนำร่องใหม�?�?เช่�?การใช้พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังค�?โซลาร์ฟาร์�?โซลาร์ลอยน้ำ เทคโนโลยีการดักจั�?ใช้ประโยชน�?และกักเก็บคาร์บอน (CCUS) โครงสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและการใช้พลังงานจากไฮโดรเจน เป็นต้น
สำหรับไฮไลท์ในการจัดงานในครั้งนี�?คือการเข้าร่วมงานจากกูรูระดับแถวหน้าของวงการพลังงานทั่วโลกกว่�?100 คน มาร่วมวิสัยทัศน์ พร้อมตีแผ่ข้อมูลเชิงลึกครอบคลุมทุกประเด็นสำคัญ เพื่อให้ผู้ร่วมงานเตรียมพร้อมรับมือความท้าทายด้านความยั่งยื�?เช่�? พลังงานแสงอาทิตย์และระบบกักเก็�?(Solar+ Storage Forum) พร้อมชี้เทรนด์ในตลาดไทยและอาเซียน การประชุมผู้นำระดับสูงด้านพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen, Ammonia and downstream options Forum) ร่วมจัดโดยกระทรวงเศรษฐกิ�?การค้าและอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นในประเทศไท�?เจาะลึกบทบาทการใช้เทคโนโลยีไฮโดรเจนและแอมโมเนียในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานที่ยั่งยืน การประชุมยานยนต์ (Mobility Forum) เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู�?อัปเดตเทรนด์ล่าสุดด้านพัฒนาการและการใช้โซลูชันยานยนต์ไฟฟ้�?เทคโนโลยีแบตเตอรี�?สถานีชาร์จไฟฟ้�?การเชื่อมโยงยานยนต์ไฟฟ้ากับโครงข่ายไฟฟ้า และโชลูชันยานยนต์รูปแบบอื่นๆ เพื่อความยั่งยืนในอนาคต การประชุมเทคโนโลยีพลังงานขั้นสูง (Advanced Energy Technology & Digital Power Forum) ร่วมจัดโดยบริษัทเทคโนโลยีและสถาบันพลังงานชั้นนำของโลก เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะการใช้เทคโนโลยีพลังงานขั้นสูงเพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ และการประชุมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy Forum) เวทีสำคัญของเอเชียที่บรรดาผู้กำหนดนโยบายผู้นำธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกจะร่วมอภิปรายหลักการและแนวปฏิบัติของเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่ยั่งยืน
นอกจากนี้มีการเปิดพรมแดนด้านพลังงานเชื่อมโลกเข้าด้วยกันผ่านการจัดงานคู่ขนาน “งานสัปดาห์พลังงานไท�?เกาหล�?(Thailand-Korea Energy Week)�?โดยความร่วมมือของกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน กระทรวงเอสเอ็มอีและสตาร์ทอั�?ร่วมกั�?สถาบันชั้นนำในธุรกิจพลังงานและเทคโนโลยีของประเทศเกาหลีใต้ เช่�? KEPCO, JEONNAM Technopark, Jeonnam Institute for Regional Program Evaluation (IRPE) แล�?Korea Smart Grid Institute (KSGI) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคส่วนพลังงานและการค้าการลงทุ�?ผ่านการจับคู่ทางธุรกิจ ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับหน่วยงานและผู้ประกอบการไทยที่จะได้พบป�?เจรจาธุรกิจ และเปิดประสบการณ์รับรู้เทคโนโลยีจากประเทศเกาหลีใต้เพื่อต่อยอดทางการค้าและการพัฒนาต่อไ�?ในงา�?SETA 2023 แล�?Solar+Storage Asia 2023 ยังจะมีพิธีมอบรางวัล Power & Energy Award 2023 รางวัลระดับนานาชาติเพื่อยกย่องความสำเร็จของบุคคลและธุรกิจที่ผลักดันนวัตกรรมภาคพลังงานและไฟฟ้าอีกด้ว�?/p>The post กระทรวงพลังงาน ร่วมกั�?แก�?อินเตอร์เนชั่นแนล จัดงาน SETA 2023แล�?Solar+Storage Asia 2023 ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและผลักดันการใช้พลังงานสะอาด first appeared on Green Network.

พลังงานทดแทน | Green Network

Green Network — Wed, 16 Aug 2023 01:50:49 +0000

BAFS เผยผลประกอบกา�?ไตรมาส 2/2566 เติบโตต่อเนื่อ�?เพิ่มขึ้น 45% และมีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ภายใต้ชื่อ “BAFS X Mongolia LLC” รองรับการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจการจัดเก็บน้ำมันและท่อขนส่งน้ำมัน และธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริการในมองโกเลีย�?เฟสแรกนำร่องร่วมลงทุนธุรกิจโซล่าร์ฟาร์ม กำหนดเปิดตัวในปี 2567

�?�? ณัฐสิทธิ�?ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บม�?บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ BAFS เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 บริษัท�?มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษั�?10.7 ล้านบา�?โดยมีรายได้จำนวนรว�?743 ล้านบา�?เพิ่มขึ้น 45% ของช่วงเ��ลาเดียวกันจากปีก่อน ส่งผลให้รายได้ในครึ่งปีแรกอยู่ที�?1,537 ล้านบา�?เพิ่มขึ้น 45% ของช่วงเวลาเดี��วกันจากปีก่อน

โดยเป็นรายได้จากค่าบริการจำนวน 644 ล้านบา�?ซึ่งเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันอากาศยานที่กลุ่มบริษัทให้บริการตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ย�?ที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจรวมของประเทศ ในขณะที่รายได้ค่าบริการขนส่งน้ำมันภาคพื้นดินและจัดเก็บน้ำมันของบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) รวมถึงรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้�?85.5 ล้านบา�?รายได้จากเงินปันผลการลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้�?และรายได้อื่นๆ ของกลุ่มบริษัท�?/p>
ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก โครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษั�?(BAFS Group) แยกตามธุรกิจมาจากรายได้จากธุรกิจการบิน 74% รายได้จากธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ 12% และรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้�?14% ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจด้วยการลงทุนในธุรกิจประเภทอื่น�?ผ่านการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลั�?ได้แก่ กลุ่มธุรกิจการบิ�?กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และกลุ่มบริการธุรกิจ โดยมีเป้าหมายปรับสัดส่วนโครงสร้างรายได้ให้สมดุ�?/p> ล่าสุด บริษัท บาฟส�?คลีน เอนเนอร์ยี่คอร์เปอเรชั่�?หรือ BC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BAFS ถือหุ้�?100% แจ้งการจัดตั้งบริษัท BAFS X Mongolia LLC บริษัทย่อยใหม่ ในประเทศมองโกเลี�?โด�?BC ถือหุ้นในสัดส่วน 100% เพื่อประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลั�?ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจการจัดเก็บน้ำมันและท่อขนส่งน้ำมันและธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าและบริกา�?ในเฟสแรกมีแผนนำร่องร่วมลงทุนธุรกิจโซล่าร์ฟาร์�?พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย�?โดยมีกำหนดเปิดตัวภายในป�?2567 นอกจากนี�?ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างการงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2566) ในอัตราหุ้นล�?0.08 บา�?โดยการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาค�?2566 และให้กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 กันยาย�?2566 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและเสถียรภาพการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนThe post BAFS ไตรมาส 2/2566 โตต่อเนื่อ�?รายได้รว�?743 ลบ. ��ปิดตัว BAFS X Mongolia LLC ลุยลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทน first appeared on Green Network.

พลังงานทดแทน | Green Network

Green Network — Thu, 03 Aug 2023 07:51:48 +0000

อินฟอร์ม�?มาร์เก็ตส์�?จับมือ กระทรวงพลังงาน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมนำทัพภาครั�?– เอกชน เดินหน้าจัดงา�?ASEAN Sustainable Energy Week 2023 แล�?Electric Vehicle Asia 2023 งานมหกรรมเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อ�?การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภา�?และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ครบครันที่สุดของภูมิภาค พร้อมผลักดันภาคอุตสาหกรรมด้วยการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างยั่งยื�?ระหว่างวันที�?30 �?�? – 1 �?�? 2566 ณ�?ฮอลล�?1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ�?/strong>

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากา�?(Climate Change) เป็นปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อทุกภูมิภาคทั่วโล�?การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก ภาวะโลกร้อ�?ภัยแล้�?อุทกภั�?ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ประเทศไทยวางเป้าหมายเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอ�?และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จากความสำคัญดังกล่าวผนวกกับการขานรับนโยบายพลังงานสะอาดของไทย อินฟอร์ม�?มาร์เก็ตส�?ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการจัดงานแสดงสินค้า และกิจกรรมทางธุรกิจระดับภูมิภา�?ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่ว�?นำโด�?strong> กระทรวงพลังงาน สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และเครือข่ายพันธมิตรด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมชั้นนำจากทั่วโล�?จัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) แล�?ELECTRIC VEHICLE ASIA 2023 (EVA) ในระหว่างวันที�?30 �?�? – 1 �?�? 2566 ณ�?ฮอลล�?1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ�?เพื่อผนึกพลังร่วมผลักดันสร้างการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดให้กับภาคธุรกิ�?และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอ�?/p>

วรนล จันทร์ศิริ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านยุทธศาสตร์พลังงา�?สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การพัฒนาพลังงานสะอาดถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานให้กับทุก �?ภาคส่วน�?โดยกระทรวงพลังงานมีพันธกิจที่สำคัญในการส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนจากภาคพลังงา�?เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี �?�? 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในป�?�?�? 2065 ทั้งนี�?กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพลังงานชาต�?(National Energy Plan: NEP) ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและพลังงานที่มีความยั่งยืน อาทิ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดสำหรับการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าใหม่ไม่น้อยกว่�?50% ภายในป�?�?�? 2050 และส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้�?(EV) ให้มีสัดส่วนร้อยละ 30 ภายในป�?�?�?2030 และก้าวสู่ Zero Emission ในปี �?�?2065

ผศ.ดร. อุเทน สุปัตต�?/span> อุปนายกฝ่ายวิชาการและผู้แทนนายกสมาคม สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า ปัจจุบันยานยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความสนใจในวงกว้างไม่เพียงแค่ภาคครัวเรือน แต่ยังรวมถึงภาคอุตสาหกรร�?เห็นได้ชัดจากการเปิดตัวสถานีชาร์จที่เพิ่มขึ้นมากกว่�?4,600 แห่ง จากข้อมูลเดือนพฤษภาค�?2566 ที่ผ่านม�?ภาครัฐได้ออกมาตรการสนับสนุ�?อาทิ ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้�?รวมถึงเงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคันสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของภาครั�?เป็นต้น ซึ่งสมาคมฯ มีความตั้งใจที่จะพัฒนาความรู�?ความเข้าใ�?ด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เป็นแกนกลางในการส่งเสริมและสนับสนุ�?ผู้ใช้งา�?รวมทั้งผู้ประกอบกา�?ตลอดจนผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อ�?ซึ่งที่ผ่านมาเราทำงานกับหลากหลายภาคส่ว�?เพื่อเชื่อมต่อองค์ความรู�?/p> ในปีนี้ทางสมาคมฯ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน EVA 2023 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 และสัมมนาวิชาการ iEVTech 2023 เพื่ออัปเดตเทรนด�?โอกา�?ความได้เปรียบของไท�?ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้เข้าร่วมและสร้างการรับรู้ถึงยานยนต์พลังงานสะอาดนี�?เราเชื่อมั่นว่าเวทีนี้จะเชื่อมโอกาสและยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค

สรรชาย นุ่มบุญน�?/span> ผู้จัดการทั่วไ�?อินฟอร์ม�?มาร์เก็ตส�?ประเทศไท�?/strong> กล่าวว่า การจัดงา�?ASEAN Sustainable Energy Week 2023 (ASEW) งานแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภา�?ถือเป็นเวทีระดับภูมิภาคที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกภาคส่ว�?ในทุกๆปีเราทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อกำหนดแนวคิดให้สอดรับกับเป้าหมายนโยบายด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 33 โดยชูแนวคิ�?�?strong>Powering the Clean Energy Transition Toward Carbon Neutrality Goal�?หรือ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอ�?โดยได้ขนทัพเทคโนโลยีและนวัตกรร�?เพื่อขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมโล�?อาทิ พื้นที่จัดแสดงเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมพลังงา�?สิ่งแวดล้อ�?แบบครบวงจร จัดเต็มพื้นที่กว่า 20,000 ตร.�? รวบรวมจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่�?1,500 แบรนด์ อาทิ ABB, Delta, Anest Iwata, Oriental Copper, Siemens, Clenergy, Solar PPM, AMR Asia, Charge24, Trumpf แล�?Hexagon พร้อมกันนี้ยังได้พบกับพาวิลเลียนนานาชาติกว่า 8 ประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากถึ�?55% ทั้ง เยอรมนี ญี่ปุ่�?เกาหล�?จี�?สิงคโปร์ สวิสเซอร์แลนด�?เนเธอร์แลนด�?และไต้หวัน เป็นโอกาสสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายทางธุรกิจจากทั่วโล�?แลกเปลี่ยนความรู้เชิงลึกผ่านการประชุมและสัมมนาระดับนานาชาติกว่�?200 หัวข้อ ครอบคลุมหัวข้อด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมในอนาคต

ขณะเดียวกันนี้ยังจัดร่วมกับงาน Electric Vehicle Asia 2023 (EVA) อีกหนึ่งเวทีสำคัญด้านยานยนต์ไฟฟ้า จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 รวบรวมผู้ผลิ�?ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องใ�?EV Eco System แล�?Value Chain ทั้งหม�?ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้�?พร้อมกันนี้ยังมีการประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้�?iEVTech 2023 รวบรวมกูรูจากทั่วโลก อัปเดตเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้�?ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน แบตเตอรี�?และการเงิ�?รวมไปถึงยานยนต์ไร้คนขั�?/p>
“ในป�?2566 นี้�?บริษัท�?ได้ขยายพื้นที่การจัดงานเพิ่ม ด้วยองค์ประกอบสำคั�?3 ประการ คื�?1.เทรนด์ความเป็นกลางทางคาร์บอ�?และพลังงานสะอา�?ซึ่งเป็นกระแสที่กำลังมา 2. นโยบายภาครัฐที่แข็งแกร่ง และสมาคมต่างๆ�?ร่วมสนับสนุนบริษัท�?ในการจัดงาน�? โดยปีนี้นับเป็นปีแรกที่มีพาวิลเลียนมากที่สุ�?มีการขยายพื้นที่มากกว่�?30% อีกทั้งในปีนี้ยังมีการจั�?Conference มากที่สุ�?ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานกว่า 25,000 คน จากทั่วภูมิภาคครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมหลั�?และมีผู้เข้าร่วมสัมมนามากกว่า 5,000 คน เพิ่มขึ้นจากในป�?2565 ที่มีผู้เข้าร่วมฟังสัมมนา 3,000 คนซึ่งทุกภาคส่วนเชื่อมั่นตรงกันว่�?เวทีนี้จะพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมด้วยพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนในอนาคตให้กับประเทศไทย�?สรรชาย กล่า�?/p>The post ASEAN Sustainable Energy Week 2023 จัดพร้อม Electric Vehicle Asia 2023 ผลักดันอุต�?เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่ความเป็นกลางทางคาร์บ��?คาดมีผ��้เข้าชมงานกว่า 25,000 คน first appeared on Green Network.

พลังงานทดแทน | Green Network

Green Network — Fri, 28 Apr 2023 08:21:48 +0000

เอสซีจี ผู้นำด้านวัสดุก่อสร้าง รวมถึงสินค้าและนวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยครบวงจ�?ส่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัย ‘เอสซีจี โซลาร์ รู�?โซลูชัน�?ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมระบบหลังคาโซลาร�?ผลักดันศักยภาพชูกลยุทธ์ด้ว�?SCG Solar Expert Station สร้างจุดเชื่อมระหว่างลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโซลาร�?เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า สามารถติดต่อและเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้รวดเร็วยิ่งขึ้�?ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ควบคู่การยกระดับด้านความเชี่ยวชาญและมาตรฐานระบบหลังคาโซลาร์อีกขั้�?พร้อมรุกตลาดโซลาร์อย่างเต็มรูปแบ�?ตั้งเป้ายอดขายเติบโ�?200% ภายในป�?2566

คุณวชิระชั�?คูนำวัฒน�?/strong> Head of Smart System Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้า�?เอสซีจี กล่าวว่า ‘เอสซีจี โซลาร์ รู�?โซลูชัน�?ในฐานะผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมระบบหลังคาโซลาร์ พร้อมโซลูชันครบวงจ�?ได้เล็งเห็นเทรนด์และแนวโน้มความนิยมด้านพลังงานสะอา�?หรือพลังงานทดแทน จึงได้พัฒนานวัตกรรมหลังคาโซลาร์รูฟมาไม่น้อยกว่�?10 ปี โดยให้บริการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์แบบครบวงจ�?พัฒนาสินค้านวัตกรรมให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะระบบการยึดติดแผงโซลาร์โดยไม่ต้องเจาะหลังค�?เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องหลังคารั่วด้ว�?Solar FIX ตลอดจนพัฒนาสินค้าและบริการให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ไฟฟ้าในบ้านอย่างครอบคลุมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันให้พลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งยอมรับว่าเป็นความท้าทายอย่างมากในการทำการตลาดระบบหลังคาโซลาร์ในไทย ที่นับได้ว่าเป็นเรื่องใหม่และกำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ในปัจจุบัน แต่ส่วนใหญ่ยังต้องการความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้อ�?โดยกลยุทธ์ที่ต้องมุ่งเน้นไปพร้อม �?กันคือการสื่อสารเกี่ยวกับระบบหลังคาโซลาร์แก่ผู้บริโภค เริ่มตั้งแต่ความจำเป็�?การติดตั้ง การใช้งา�?รวมถึงความคุ้มค่าระยะยาว�?/p>
ซึ่งปัจจุบันยังพบว่าพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันของผู้อยู่อาศัยมากขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นเฉลี่�?30-50% และผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้นถึง 12-15% และคาดการณ์ว่าภายในป�?2050 สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนของโลกจะสูงขึ้นถึ�?85% ซึ่งสามารถชี้วัดได้ว่าการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มเพิ่มสูงตามลำดั�?อาทิ การใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว รวมไปถึงปัจจัยร่วมต่าง �?ไม่ว่าจะเป็�?อัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดในช่วงที่ผ่านม�?ภาครัฐมีมาตรการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ประกอบกับด้านเทคโนโลยีในการติดตั้งและต้นทุนวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกล�?ไปจนถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นำระบบโซลาร์รูฟเข้ามาใช้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับโครงการที่อยู่อาศัยตลอดจน Solar Energy Trading การซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระหว่างครัวเรือน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยเร่งให้พลังงานทางเลือกเพิ่มระดับความนิยมที่เข้มข้น รวมถึงผลักดันให้ตลาดโซลาร์รููฟเติบโตได้ดียิ่งขึ้น�?/p>
จากเทรนด์และเทคโนโลยีโซลาร์รูฟที่กำลังได้รับความนิยมในวงกว้าง โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีโอกาสเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เอสซีจีจึงได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมหลังคาโซลาร์ เดินหน้าด้วยกลยุทธ์ SCG Solar Expert Station โมเดลธุรกิจที่ถูกพัฒนาขึ้นจาก Insight ของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ โดยสร้างจุดเชื่อมระหว่างลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระบบหลังคาโซลาร์โดยตร�?เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า สามารถติดต่อและเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้รวดเร็วขึ้�?ทำให้การติดตั้งหลังคาโซลาร�?รู�?เป็นไปได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้�?ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โด�?SCG Solar Expert หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโซลาร์จะให้คำปรึกษาฟรี แนะนำขั้นตอนและระบบการทำงา�? ออกแบบระบบหลังคาโซลาร์ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมประเมินราค�?โดยมีแผนขยายไปที�?SCG Home, SCG Home Experience แล�?SCG Authorized Dealer ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ มีสาขานำร่อง อาทิ กรุงเทพ�?และปริมณฑล ชลบุรี อุบลราชธาน�?เชียงใหม่ และหาดใหญ่ พร้อมขยายไปยังหัวเมืองหลักเพื่อครอบคลุมทั่วประเทศ ภายในป�?2566
“โดยในช่วงปีที่ผ่านม�?‘เอสซีจี โซลาร์ รู�?โซลูชัน�?เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อ�?พร้อมรุกขยายไปยังตลาดบ้านพักอาศัยที่มีศักยภาพสูง ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านระบบหลังคาโซลาร์ในตลาด Residential ประเทศไท�?โดยคาดการณ์จากตัวเลขภายในป�?2566 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่�?00% ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้�?ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งในตลา�?ผ่าน 3 จุดแข็�?คื�?EXPERT เอสซีจีมีวิศวกรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Solar & Home Energy management และมีความเชี่ยวชาญด้านหลังคาซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการติดตั้งโซลาร์ โดยมีบริการตรวจสุขภาพหลังคาก่อนการติดตั้�?พร้อมนวัตกรรมSolar FIX ที่ติดตั้งหลังคาโซลาร์โดยไม่ต้องเจาะหลังค�?ทำให้หลังคาไม่เสี่ยงต่อการรั่วซึม ONE STOP SERVICE การให้บริการแบบครบวงจร โดยออกแบบระบบโซลาร์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้ไฟของบ้านลูกค้า รวมถึงดำเนินการ ขออนุญาตกับทางภาครัฐ ทำให้การติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์กับเอสซีจีถูกต้องตามกฎหมาย 100% แล�?AFTER SALES SERVICE การรับประกันตลอด 25 ปีโดยเอสซีจี

ยิ่งไปกว่านั้น ยังถือเป็นโอกาสสำคัญให้คนไทยเกิดการตื่นตัวในเรื่องของพลังงานทดแทน ด้วยการยกระดับพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมประสิทธิภาพโซลาร์เซลล์อย่างสูงสุ�?โดยให้เหมาะสมต่อพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าและสภาพแวดล้อมของไทย ในฐานะที่เอสซีจีเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหลังคามาอย่างยาวนา�?ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบันและอนาคต�?คุณวชิระชั�?คูนำวัฒน�?กล่าวทิ้งท้า�?/p>
พบกั�?SCG Solar Expert Station ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหลังคาโซลาร์ได้ที่หน้าร้าน SCG HOME Experience, SCG HOME แล�?SCG Authorized Dealer สาขานำร่อง หรือดูรายละเอียดได้ที่ //www.scgbuildingmaterials.com/th/solution/solar-roof และสอบถามเพิ่มเติมได้ที�?SCG Contact Center 02-586-2222
The post ‘เอสซีจี โซลาร์ รู�?โซลูชัน�?รุกตลาดด้ว�?SCG Solar Expert Station คาดเติบโ�?200% ในปี 66 ขยายให้บริการทั่ว��ระเทศ ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมหลังคาโซลาร์ first appeared on Green Network.

พลังงานทดแทน | Green Network

Green Network — Tue, 11 Apr 2023 03:28:37 +0000

นนทบุร�? บริษัท รา�?กรุ๊�?จำกั�?(มหาช�? ประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้สีเขียว ประมาณ 495 ล้านเหรียญออสเตรเลี�?เพื่อปรับโครงสร้างหนี้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 3 แห่งในออสเตรเลี�?ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมคอลเล็กเตอร์ ขนาดกำลังการผลิต 226.8 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานลมเมาท์เอเมอรัลด�?ขนาดกำลังการผลิต 180.5 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คอลลินส์วิลล�?ขนาดกำลังการผลิต 42.5 เมกะวัตต์ ธุรกรรมดังกล่าวดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหม�?คื�?บริษัท รา�?ออสเตรเลี�?คอร์ปอเรชั่�?จำกั�?(RAC) ซึ่งตั้งอยู่ในออสเตรเลี�?ภายใต้กรอบการเงินสีเขียว (Green Finance Framework) ขอ�?RAC ซึ่งสอดคล้องกับหลักการตราสารหนี้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond Principle) ขอ�?International Capital Market Association และหลักการการกู้ยืมสีเขียว (Green Loan Principle) ขอ�?Loan Market Association

สำหรับบริษัท รา�?ออสเตรเลี�?คอร์ปอเรชั่�?จำกั�?ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในออสเตรเลี�?โดยพอร์ตการลงทุนปัจจุบัน มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1.2 กิกะวัตต�?ความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี�?นอกจากจะช่วยสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งแล้�?ยังช่วยเพิ่มศักยภาพของ RAC ให้สามารถขยายการลงทุนได้เพิ่มมากขึ้นด้ว�?/p>

เงินกู้สีเขียวดังกล่าวนี�?ได้รับรางวัล IJGlobal Awards 2022 ประเภท “Refinance Deal of the Year �?Portfolio�?ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากเป็นธุรกรรมจัดหาเงินกู้เพื่อนำไปชำระคืนหนี้พอร์ตลงทุนโครงการพลังงานทดแทนและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีอันเป็นผลมาจากรา�?กรุ๊�?ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ RAC มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่�?นอกเหนือจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮา�?1 ประเทศอินโดนีเซี�?กำลังการผลิตติดตั้�?180 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัท�?ถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 47.89 ยังได้รับรางวั�?“Refinance Deal of the Year �?Hydropower�?จา�?IJGlobal Awards 2022 ด้วยThe post รา�?กรุ๊�?ประสบความสำเร็จจัดหาเงินกู้สีเขียว ปรั��โครงสร้างหนี้โครงการพลังงานทดแทน 3 แห่งในออสเตรเลี�?พร้อมคว��ารางวั�?“Refinance Deal of the Year-Portfolio�?จา�?IJGlobal Awards 2022 first appeared on Green Network.

Green Network — Wed, 05 Apr 2023 02:01:41 +0000

สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอ�?(ประเทศไท�? ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง “การบูรณาการระบบกักเก็บพลังงานร่วมกั�?พลังงานทดแทน: นโยบาย การวางแผ�?ออกแบบ วิธีการแก้ปัญห�?การปฏิบัติ แล�?การควบคุ�?(Integration of Energy Storage System with Renewable Energy Sources: Policy, Planning, Design, Solutions, Operation and Control)�? ในวันที่ 8 �?11 พฤษภาค�?2566 เวล�?08.30 �?16.30 �? �?โรงแรมอโนม�?แกรนด์ กรุงเทพ�?/strong>

หลักการและเหตุผ�?/strong>
ทําไมพลังงานทดแทนที่สามารถหมุนเวียนมาใช้ได้อี�?หรือที่เราเรียกว่�?พลังงานหมุนเวียน… กลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยุดได้ ในอนาคตโลกเรามีแนวโน้มและดูเหมือนว่ากว่า 50% ของพลังงานไฟฟ้าจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล น้�?และไฮโดรเจน เป็นต้น ซึ่งจากการคาดการณ์จะเกิดขึ้นในช่วงป�?�?�? 2035-2050 โดยม�?ปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่สําคั�?คือความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่มีเป้าหมายสําคัญตามการประชุ�?COP 26 แล�?27 คื�?ประเทศไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอ�?(Carbon Neutrality) ในปี �?�? 2050 (�?�? 2593) และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในป�?�?�? 2065 (�?�? 2608) เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความตกลงปารี�?ซึ่งกําหนดเป้าหมายให้ประชาคมโลกต้องร่วมกันกําจัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิ�?1.5-2 องศาเซลเซียส ให้ได้ภายใ�?�?�? 2100 (�?�? 2643) นอกจากนี้แล้�?พลังงานหมุนเวียนกลายเป็นสิ่งที่เริ่มจับต้องได้ เพราะทุกคนในทุกพื้นที่ได้ให้ความสนใจที่จะหาแหล่งพลังงานและจัดเตรียมพื้นที่สําหรับการผลิตพลังงานหมุนเวียนมากกว่าพลังงานที่ได้จากฟอสซิ�?และปัจจุบันมีเทคโนโลยีต่าง�?มากมายที่รองรับและส่งเสริมการผลิตพลังงานหมุนเวียน การนําพลังงานหมุนเวียนมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต้องการเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ที่มีหลากหลายรูปแบบและมีส่วนช่วยลดความผันผวนและความไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียนซึ่งทําให้เราจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีเสถียรภาพ ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ระบบไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากผลกระทบอย่างมีนัยจากภาคการขนส่งด้วยไฟฟ้า (ยานยนต์ไฟฟ้า) ภาคครัวเรือน (บ้านและอาคารอัจฉริยะ) และภาคการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (แสงอาทิตย์และล�? เทคโนโลยีระบบสะสมพลังงานจึงเป็นจําเป็นในการนํามาประกอบเพื่อสร้างศักยภาพของการผลิตและการใช้พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพเสถียรภาพและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้าทั้งระบบ
สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอ�?(ประเทศไท�? ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญ จึงได้จัดให้มีการสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อ�?“การบูรณาการระบบกักเก็บพลังงานร่วมกับพลังงานทดแท�? นโยบาย การวางแผ�?ออกแบบ วิธีการแก้ปัญห�?การปฏิบัติและการควบคุม (Integration of Energy Storage System with Renewable Energy Sources: Policy, Planning, Design, Solutions, Operation and Control)�?โดยการ สนับสนุนวิชาการจาก พพ. กฟ�? กฟ�? กฟ�? ผู้ออกแบ�?ผู้รับเหม�?และผู้ผลิต บริษัท ผู้ประกอบการและสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไท�?ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในงานภาคปฏิบัติโดยตร�?และเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนมาเป็นอย่างดี
วัตถุประสงค์การจัดสัมมนา

เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับความรู้ ความเข้าใ�?เกี่ยวกับแนวคิดการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานและวิธีแก้ไขปัญหาคุณภาพไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในระบ�?และเพื่อสามารถใช้เป็นแนวทางสําหรับศึกษ�?วางแผน ออกแบบ และลงทุนพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภา�?ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุ�?/p>

เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใ�?เกี่ยวกับแนวคิดการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน

เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใ�?วิธีแก้ไขปัญหาคุณภาพไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในระบบจากการใช้พลังงานทดแทน ทําให้เราสามารถนําพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อเปิดโอกาสให้ปรึกษาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้เข้าสัมมนาทุกคนกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

กลุ่มเป้าหมา�?/strong>

ผู้บริหา�?เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่กําหนดนโยบา�?วิศวกรและเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในกิจการไฟฟ้าและพลังงาน

ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน นักลงทุน ด้านไฟฟ้าและพลังงา�?และผู้ให้บริการเทคโนโลยี Distributed Energy Resources (DERs), Microgrid, Energy Storage และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อ�?รวมทั้�?ที่ปรึกษ�?ผู้รับเหม�?อาจารย�?มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาและผู้ที่สนใจทั่วไ�?/li>

สนใจเข้าร่วมสัมมน�?ดูรายละเอียดหัวข้อการบรรยายและลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่�?a href="//www.greennetworkseminar.com/re/" target="_blank" rel="noopener">www.greennetworkseminar.com/re/

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ�?โทรศัพท์ 0-2354-5333 ต่�?500 / 503
e-mail : seminar@greennetworkseminar.com
The post สัมมนา “การบูรณาการระบบกักเก็บพลังงานร่วมกับพลังงานทดแท�? นโยบาย การวางแผ�?ออกแบบ วิธีแก้ปัญญห�?การปฏิบัติและการควบคุม�?/a> first appeared on Green Network.