Smart City | Green Network

Green Network — Wed, 05 Oct 2022 06:52:49 +0000

“บ้านปู เน็กซ�?#8221; ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จับมือ “สมาคมการตลาดแห่งประเทศไท�?หรือ MAT” ปลุกพลังความคิดเยาวชนไทยสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานสะอาดวิถีใหม่ โดยจัดโครงการประกวดแผนการตลา�?J-MAT Award ครั้งที่ 31 ภายใต้โจทย�?“Smart e-TukTuk ขับเคลื่อนอนาคตด้วยค�?GenNEXT” อีกหนึ่งโครงการที่สานต่อแนวคิดของกลุ่มบ้านปู เพื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้เกิดพลังแห่งการสร้างสรรค์ ส่งเสริมศักยภา�?พร้อมอัปสกิลสู่การเป็นนักการตลาดและผู้ประกอบการในโลกธุรกิจยุคใหม่ พร้อมนำแนวคิดต่อยอดพัฒนาโซลูชันพลังงานฉลาดใหม่�?ที่สร้าง New S-curve ให้ธุรกิ�?สนับสนุนสังคมคาร์บอนต่�?และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้คนในสังคม

นางสาวกนกวรร�?จิตต์ชอบธรรม ผู้อำนวยการอาวุโ�?กลุ่มธุรกิจยานพาหนะไฟฟ้า บริษัท บ้านปู เน็กซ�?จำกั�?/strong> กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ�?นำกลยุทธ�?Greener & Smarter ของกลุ่มบ้านปู มุ่งนำเสนอโซลูชันพลังงานฉลาดเพื่อความยั่งยื�?(Smart Energy Solutions for Sustainability) พร้อมสนับสนุนธุรกิ�?และสังคมให้เป็�?Net-Zero อีกทั้งสานต่อแนวคิดของบ้านปูที่ต้องการส่งเสริมเยาวชนให้เรียนรู้และฝึกฝนจากประสบการณ์ตร�?เกิดเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา และเห็นความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างสรรค์พลังงานสะอาดวิถีใหม�?บ้านปู เน็กซ�?จึงร่วมกับ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไท�?จัดการประกวดแผนการตลาด J-MAT Award โดยนำรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart e-TukTuk) พร้อมแพลตฟอร์มให้บริการมาเป็นโจทย์ท้าทายความสามารถน้อง �?เพราะปัจจุบันดิจิทัลแพลตฟอร์มเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิ�?และเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ เราจึงนำมาผสานกับรถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งเป็นรถที่สื่อถึงความเป็นไทย อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาการเดินทางตามตรอกซอกซอยต่า�?�?ที�?Mass Transit เข้าไม่ถึงและสามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งการโดยสา�?ขนส่งภายในองค์กรและให้บริการสาธารณ�?(Microtransit) ถือเป็นโซลูชันพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ที่ช่วยยกระดับการเดินทางและขนส่งให้สมาร์ทและกรีนยิ่งขึ้น พร้อมสร้างคุณค่ารอบด้านให้กับธุรกิ�?สังค�?และสิ่งแวดล้อม เช่�?มอบความสะดวกทั้งการเดินทางและการควบคุมระบบ ลดการปล่อยก๊าซ CO2 ตอบไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนยุคใหม่ รวมถึงสนับสนุนการใช้ EV และสมาร์ทโมบิลิตี้ (Smart Mobility) ในประเทศไท�?/p>

การประกวดครั้งนี�?เปิดกว้างให้เยาวชนได้ฝึกแนวคิดการทำธุรกิจแบบผู้ประกอบกา�?(Entrepreneur Mindset) เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญห�?(Pain Point) และความต้องการของกลุ่มเป้าหมา�?หรือลูกค้า ออกแบบโซลูชันและแพลตฟอร์มการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร โดยผสานจุดเด่นด้า�?‘Smart Hardware’ หรือการออกแบบตัวรถ และด้า�?Software ‘Smart Application’ ที่ใช้งานง่า�?สะดว�?และตอบโจทย์ความต้องการของตลา�?เกิดเป็�?New S-curve Product ที่โดดเด่นและแตกต่า�?(Uniqueness) สร้างโอกาสทางการแข่งขันในธุรกิ�?รวมถึงการวางกลยุทธ์และแผนการตลาด การจัดทำงบประมาณ รายได้และการคืนทุนที่สามารถให้บริการได้จริงในตลา�?โดยผลงานทีมชนะเลิศจะถูกนำมาต่อยอดเพื่อพัฒนาบริการระบบสัญจรทางเลือกแบบครบวงจร หรือ Mobility As a Service (MaaS) ของบ้านป�?เน็กซ์ในอนาคตด้วย”

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไท�?/strong> กล่าวว่า “เราต้องการส่งเสริมให้นิสิต นักศึกษาได้เปิดประสบการณ์นอกห้องเรียน และฝึกฝนการทำงานเป็นทีมก่อนที่จะก้าวสู่สนามการทำงานจริง สำหรับโจทย์เรื่องเทคโนโลยีพลังงานสะอาดถือเป็นเรื่องที่ท้าทายกว่าการประกวดที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันเทรนด�?Net-Zero กำลังเข้ามามีบทบาท และอยู่ในความสนใจของทุกค�?น้อง �?จะได้เรียนรู้แนวคิดการทำธุรกิจแบบยั่งยืนตามหลั�?ESG แล�?SD ที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ โดยปีนี้มีน้อง �?สนใจสมัครเข้าร่วมกว่�?1,800 คน จา�?64 สถาบันทั่วประเทศ และในวันชี้แจงโจทย�?น้อง�?ให้การตอบรับสนใจข้อมูลธุรกิจนี้เป็นอย่างดี และมองว่าโจทย์ปีนี้แปลกใหม�?ท้าทาย และเชื่อว่าจะช่วยอัปสกิลพวกเขาไปอีกขั้�?สะท้อนให้เห็นว่าเยาวชนยุคนี้ตระหนักถึงความสำคัญของพลังงานสะอาดที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกและผู้คนให้ดีขึ้น สำหรับการแข่งขันรอบสุดท้าย จะคัดเลือกให้เหลือเพียง 7 ที�?และประกาศผ�?พร้อมมอบรางวัลโล่พระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้�?กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทุนการศึกษาในวันเสาร์ที�?19 พฤศจิกาย�?2565”

“เพราะเยาวช�?GenNEXT เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดวิถีใหม่ และช่วยโลกสร้างความยั่งยืนรอบด้า�?อีกทั้งสามารถพัฒนาธุรกิจให้เติบโตตามหลัก ESG แล�?SD เช่นเดียวกับบ้านป�?เน็กซ�?ที่จะเดินหน้าพัฒนาโซลูชันพลังงานสะอาดใหม�?�?เพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้คนในสังคมต่อไป” นางสาวกนกวรร�?/strong> กล่าวทิ้งท้า�?/p>The post บ้านปู เน็กซ�?ร่��มกั�?สมาคมการตลาด�?ปลุกชา�?GenNEXT โชว์ไอเดียสร้าง “พลังงานฉลาด�?ขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี�?สร้างธุรกิ�?New S-curve first appeared on Green Network.

Smart City | Green Network

Green Network — Wed, 07 Sep 2022 08:37:43 +0000

“อมตะ�?ลงนามสัมปทานกับรัฐบาลสปป.ลาวผ่านบริษั�?อมตะซิตี�?ลา�?จำกั�?พัฒนาโครงการอมตะ สมาร์ท แอนด�?อีโค ซิตี�?นาหม้อ (AMATA Smart and Eco City Namor) แขวงอุดมไซ สู่เมืองทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อ�?ครอบคลุมพื้นที�?19,687 ไร�?โดยจะพัฒนาระยะแร�?8,075 ไร่เริ่มปีนี�?นับเป็นโครงการแห่งที�?2 หลังเริ่มพัฒนาโครงการ AMATA Smart and Eco City ที่นาเตยแล้ว มั่นใจดึงลงทุนทั่วโลกร่วมขับเคลื่อนเศรษฐ�?/strong>

วิกร�?กรมดิษฐ์ ประธานกรรมกา�?บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกั�?(มหาช�? หรือ AMATA เปิดเผยว่าเมื่อเร็�?�?นี้บริษั�?อมตะซิตี�?ลา�?จำกัด �?ซึ่งอมตะถือหุ้�?100% ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงสัมปทานกับรัฐบาลสปป.ลาวเพื่อพัฒนาโครงการอมตะ สมาร์ท แอนด�?อีโค ซิตี�?นาหม้อ หรือเมืองทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เมืองนาหม้อ หรือ AMATA Smart and Eco City Namor แขวงอุดมไซ ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของสปป.ลาว�?โดยม�?strong>คำเจน วงศ์โพธิ์ส�?รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแผนการและการลงทุน สป�?/strong>.ลา�?/strong> เป็นประธานและอาสา สารสิน ประธานกรรมกา�?/strong>บริษัท อมตะซิตี�?ลา�?จำกั�?พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากแขวงอุดมไ�?กลุ่มอมต�?กรุ๊�?และพันธมิตรที่มีศักยภาพร่วมเป็นสักขีพยาน

โครงการอมต�?สมาร์ท แอนด�?อีโค ซิตี�?นาหม้อ เมื่อสร้างเสร็จจะครอบคลุมพื้นที�?3,150 เฮกตาร์หรือ 19,687 ไร�?โดยแบ่งการพัฒนาในระยะแรกบนพื้นที�?1,292 เฮกตาร์หรือ 8,075 ไร�?ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรชาวไทยและต่างประเทศ การก่อสร้างเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีกำหนดจะเริ่มในปี �?�? 2565 โครงการดังกล่าวนับเป็นโครงการที่สองที่ประกาศขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่อมตะได้เฉลิมฉลองการบุกเบิกโครงการแรกของบริษัท อมตะซิตี�?ลา�?จำกั�?ในแขวงหลวงน้ำท�?ทางตอนเหนือของสปป.ลา�?ไปเมื่อต้นปีนี้ สำหรับความร่วมมือและการทำงานอมตะได้ร่วมกับรัฐบาลแห่งสป�?ลา�?ตั้งแต่ปีพ.�? 2561 เพื่อพัฒน�?อมตะสมาร์ท แอนด�?อีโค ซิตี�?นาหม้อ ซึ่งได้พัฒนาตามแนวคิดอมต�?สมาร์ท แอนด�?อีโค ซิตี�?นาเตย มีการลงนามในข้อตกลงสัมปทานไปตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี�?อมตะมีเป้าหมายที่จะลงทุนและพัฒนาพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 200 ตารางกิโลเมตรในสปป.ลา�?ผ่านการลงทุนและดำเนินการของบริษั�?อมตะซิตี�?ลา�?จำกั�?ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่อมตะเป็นเจ้าของโดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ขอบคุณคำเจน วงศ์โพธิ์ส�?และผู้บริหารระดับสูงที่ให้การสนับสนุนและต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอม�?กลุ่มอมตะมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและปลอดภัยที่สุดของประเทศโดยอาศัยประสบการณ์อันยาวนานของอมตะในการพัฒนาและจัดการนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยและภูมิภาคที่ประสบความสำเร็�?จนสามารถขยายความเจริญและมีที่อยู่อาศัยมากกว่า 1,400 แห่ง ผู้เช่าโรงงานและจัดหางานให้กับคนกว่า 300,000 คน อมตะมีแผนที่จะเชิญลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่จากอุตสาหกรรมต่างๆ มาลงทุนในสปป.ลา�?ซึ่งขณะนี้มีบริษัทกว่า 20 บริษัทได้แสดงความสนใจแล้ว�?วิกร�?กล่า�?/p>
การพัฒนาโครงการทั้งหมดของอมตะพัฒนาขึ้นภายใต้กรอบความยั่งยืนและปรัชญาธุรกิจขอ�?‘All Win’ โดยมีเป้าหมายเพื่อความสำเร็จร่วมกันและแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่า�?ทุกภาคส่วน และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งมั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม เพื่อเผยแพร่โครงการใหม่ในสปป.ลา�?อมตะมีแผนที่จะเชิญบริษัทและองค์กรระดับโลกต่าง �?จากภาครั�?เช่�?เมืองอุตสาหกรรมโยโกฮาม่�?ให้เข้าร่วมในโครงการและร่วมกันส่งเสริมโครงการเหล่านี้ในกลุ่มนักลงทุนที่มีศักยภาพThe post “อมตะ�?จับมือสป�?ลา�?จัดตั้�?Smart and Eco City บนพื้นที่กว่�?19,000 ไร�?ที่นาหม้�?ตอ��โจทย์อุตฯ เชิงนิเวศ first appeared on Green Network.

Smart City | Green Network

Green Network — Thu, 01 Apr 2021 06:14:48 +0000

นับวันปัญหามลภาวะทางอากา�?โดยเฉพาะปัญหาฝุ่�?PM 2.5 จะยิ่งทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อคนกรุงฯ รวมทั้งประชาชนคนไทยในหลายภูมิภาคทั่วประเทศไท�?ซึ่งศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยื�?(RISC) ภายใต้บริษัทแมกโนเลี�?ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต�?คอร์ปอเรชั่�?จำกั�?(MQDC) ในฐานะศูนย์กลางการวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับทุกชีวิต จึงมีความพยายามในการร่วมกันหาทางออกของปัญหาดังกล่า�?ได้คิดค้นและวิจัยพัฒนานวัตกรรม หอฟอกอากาศระดับเมือง “ฟ้าใส�?ตัวแรก (Fahsai)�?ขึ้นและติดตั้งบริเวณ 101 True Digital Park ในปี 2563 และในปีนี้ RISC by MQDC ก็ไม่หยุดยั้งในการพัฒน�?เพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นมากในปัจจุบัน จึงได้เปิดตัวฟ้าใ�?รุ่นที�?2 หรือ “ฟ้าใส 2 (Fahsai 2)�?หอฟอกอากาศระดับเมืองเพื่อประชาช�?เพื่อช่วยแก้ปัญหามลพิษทางอากา�?โดยเฉพาะปัญหาฝุ่�?PM 2.5 และเชื้อโรคในอากาศ

รศ.ดร.สิงห�?อินทรชูโ�?/strong> หัวหน้าคณะที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยื�?(RISC by MQDC) กล่าวว่า RISC by MQDC เดินหน้าไม่หยุดยั้งทำงานวิจัยภายใต้หลักกา�?“นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน�?ที่จะช่วยสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกชีวิต เปิดตัวหอฟอกอากาศระดับเมืองอัตโนมัติแบบไฮบริด รุ่นที�?2 หรือ �?strong>ฟ้าใ�?2 (Fahsai 2)�?หอฟอกอากาศระดับเมืองเพื่อประชาช�?เพื่อช่วยแก้ปัญหามลพิษทางอากา�?โดยเฉพาะปัญหาฝุ่�?PM 2.5 และเชื้อโรคในอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยใ�?7 ด้านหลักขอ�?RISC by MQDC ในด้านสุขภาพและสุขภาวะที่ด�?(Health & Wellness) ซึ่งมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาต�?(UN Sustainable Development Goals) ในเรื่อ�?Good Health and Well-Being, Clean Water and Sanitation Sustainable Cities and Communities แล�?Life on Land

RISC by MQDC มีความตั้งใจที่จะเป็นศูนย์กลางการวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับทุกชีวิต ซึ่งผลงานวิจัยที่ออกมาไม่ใช่เพื่อนำมาใช้เฉพาะกับโครงการขอ�?MQDC เท่านั้�?แต่เราเปิดกว้างให้บุคคลภายนอกนำงานวิจัยขอ�?RISC by MQDC ไปต่อยอดเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังค�?ต่อการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง ดังนั้นเราจึงได้พัฒนาและสร้างหอฟอกอากาศระดับเมืองหรือ “ฟ้าใส รุ่นแรก�?ขึ้นในปี 2563 โดยต่อมา เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน�?(COVID -19) เริ่มระบา�?จึงคิดและวิจัยต่อทันที จนเกิดเป็�?‘ฟ้าใ�?2‘ ที่สามารถเพิ่มการจัดการกับเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ ซึ่งเราตั้งใจพัฒนาใหม�?ให้ทันต่อสถานการณ์ และได้ทำการทดลองและพัฒนาประสิทธิภาพจนได้เป็นที่น่าพอใ�?โดยหวังว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศนี้สำหรับหลาย�?พื้นที่ต่อไป

นายณพล เกียรติก้องมณ�?/strong> นักวิจัยอาวุโส ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยื�?(RISC by MQDC) ผู้ร่วมพัฒนานวัตกรรม กล่าวว่า หอฟอกอากาศระดับเมืองเพื่อประชาช�?“ฟ้าใส 2 (Fahsai 2)�?มีระบบฟอกอากาศอัตโนมัติแบบไฮบริด (Hybrid Air Purifier Tower) ทำงานด้วยการนำพลังงานที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์มาใช้ร่วมกันกับระบบพลังงานไฟฟ้าทั่วไ�?เพื่อลดภาระการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวัน ออกแบบภายใต้แนวคิดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางสุขภาวะและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีขึ้�?มีความพิเศษกว่า ฟ้าใ�?1 คื�?เพิ่มความสามารถในการฆ่าแบคทีเรี�?เชื้อรา และไวรัสได�?โดยใช้รังส�?UVC และโอโซน

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกำลังขนาดของพัดลมออกจากเดิ�?15,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโม�?ให้เป็�?30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโม�?จำนว�?4 ใบพั�?รวมเป็�?120,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโม�?หรือครอบคลุมพื้นที่ประมา�?1 สนามฟุตบอล �?การลดขนาดของตัวเครื่องลง เหลือความสูงเพียง 5.10 เมต�?และฐานกว้า�?2.40 เมต�?เพื่อเข้าถึงพื้นที่ติดตั้งได้ง่ายขึ้�?และประหยัดต้นทุนการก่อสร้างการปรับตำแหน่งพัดลมเป่าออกใหม่ เพื่อป้องกันลมย้อนกลับมาในเครื่อง (Reverse Airflow) การออกแบบแผงดักความชื้นบริเวณช่องลมออกใหม�?เพื่อป้องกันละอองน้ำที่จะออกมาพร้อมกับล�?การออกแบบแผงโซลาร์เซลล์ให้ปรับระดับได�?เพื่อควบคุมทิศทางลมสะอาดให้อยู่ในระดับใช้งานและระยะการทำงานไกลขึ้�?รวมทั้งแผงโซลาร์เซลล์สามารถปรับเปลี่ยนเได้ตามเวล�?แผงจะกางออกเพื่อรับแสงแดดในเวลากลางวัน และจะหุบแผงในเวลากลางคืน พร้อมกับเปิดไฟส่องสว่าง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพื้นที่โดยรอบ�?/p>
�?strong>ฟ้าใ�?2 (Fahsai 2) นับเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจและความภาคภูมิใจของ RISC by MQDC ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ทันต่อเหตุการณ์และปัญหาในปัจจุบัน และยังเป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศ และฝุ่�?PM 2.5 และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาวะของคนในพื้นที่อย่างยั่งยืนตามแนวทา�?‘นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน�?ขอ�?RISC by MQDC�?นายณพล กล่า�?/p>
ทั้งนี้การรถไฟแห่งประเทศไท�?(�?�?�?) บริษัท รถไฟฟ้�?�?�?�? จำกั�?และบริษั�?รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิ�?จำกั�?พร้อมด้ว�?RISC by MQDC ได้นำฟ้าใส 2 (Fahsai 2) หอฟอกอากาศเพื่อประชาช�?ไปติดตั้งที่ สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์�?เรล ลิงก�?มักกะสัน ซึ่งเป็นบริเวณหนึ่งที่พบปัญห�?PM 2.5 ค่อนข้างมา�?จากสภาพการจราจรที่หนาแน่�?และยังเป็นจุดที่มีประชาชนเข้ามาใช้บริการทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิ�?และรถไฟฟ้าแอร์พอร์�?เรล ลิงก�?ประมาณ 10,000 คนต่อวัน
The post RISC by MQDC เปิดตัว “ฟ้าใส 2�?หอฟอกอากาศระดับเมืองเพื่อประชาช�?ตอบโจทย์ปัญหาการแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรี�?เชื้อรา และไวรัส first appeared on Green Network.

Smart City | Green Network

Green Network — Thu, 24 Sep 2020 06:32:47 +0000

‘บ้านป�?เน็กซ์�?บริษัทลูกของบริษัท บ้านปู จำกั�?(มหาช�? ร่วมผลักดันแผนพัฒนาจังหวัดขอนแก่นสู่สมาร์ทซิตี�?ผนึก ‘ภาคีเครือข่ายพัฒนาเมืองขอนแก่น�?ลงนามความร่วมมือ “โครงการพัฒนาสมาร์ทซิตี้จังหวัดขอนแก่น�?โดยมีวัตถุประสงค์ในการร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการนำพลังงานสะอา�?และเทคโนโลยีพลังงา�?เข้าไปติดตั้งในพื้นที่เขตจังหวัดขอนแก่น พร้อมร่วมกันผลักดันการใช้พลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบ�?ขานรับนโยบายพลังงา�?4.0 และแผนแม่บทการพัฒนาเมืองขอนแก่นสมาร์ทซิตี้ 2029 เพื่อยกระดับการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ช่วยลดมลพิ�?และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยา�?ตลอดจนสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชาวขอนแก่�?/strong>

นางสมฤดี ชัยมงค�?/strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกั�?(มหาช�? แล�?strong>บริษัท บ้านปู เน็กซ�?จำกั�?/strong> กล่าวว่า �?strong>บ้านปู เน็กซ�?/strong> เป็นผู้ให้บริการพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ของบ้านปูฯ เดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นนำนวัตกรรมความรู้ และโซลูชันด้านเทคโนโลยีพลังงานที่หลากหลายมาเติมเต็มการใช้ชีวิตให้แก่ทุกภาคส่วน ล่าสุดผนึกความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายพัฒนาเมืองขอนแก่�?โดยจะร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างระบบนิเวศด้านการใช้พลังงานสะอาดที่ครบวงจร อาทิ การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย�?การวางระบบสายส่งไฟฟ้าอัจฉริย�?การศึกษาการนำระบบกักเก็บพลังงานเพื่อเสริมศักยภาพการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม การพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริย�?การวางระบบสัญจรทางเลือกสาธารณะรองรับส่วนต่อขยายโครงการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าระบบรางเบา รวมถึงการนำเทคโนโลยีพลังงานสมัยใหม่อื่นๆ มาใช้ในเมืองขอนแก่�?เพื่อสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมอัจฉริย�?(Smart Environment) ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวขอนแก่น และร่วมขับเคลื่อนขอนแก่นเข้าสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ตามแผนพัฒนาเมือง�?/p>
บ้านปู เน็กซ�?/strong> มีโครงการสมาร์ทซิตี้ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และดำเนินการอยู่หลายแห่ง และยังมีโซลูชันด้านพลังงานสะอาดที่ครบวงจ�?ทั้งรูปแบบฮาร์ดแวร�?และซอฟต์แวร์ ซึ่งสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละพื้นที�?รวมถึงมีแพลตฟอร์มด้านการบริหารจัดการพลังงา�?(Energy Management System) ที่ได้นำอินเทอร์เน็ตออฟติงส�?(IoT) เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการระบบควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมู�?วิเคราะห์ และประมวลผลการใช้พลังงานสะอาดอย่างแม่นยำ ตลอดจนสามารถมอนิเตอร์ และแจ้งเตือนเหตุขัดข้องของระบบฯ หรือไซต์งานได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถวางแผนป้องกันปัญหาได้ล่วงหน้า เพื่อให้ระบบฯ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงเชื่อว่าความเชี่ยวชาญ และโซลูชันของบริษัทฯ จะสามารถตอบโจทย์การพัฒนาเมืองขอนแก่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่�?และเป็นประโยชน์สูงสุ�?พร้อมช่วยผลักดันให้ขอนแก่นเป็นอีกหนึ่งเมืองต้นแบบด้านการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ครบวงจร�?/p>

นายกมลพงศ์ สงวนตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “หอการค้าจังหวัดขอนแก่�?มุ่งมั่นที่จะเป็นแกนหลักของภาคเอกชนที่ร่วมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญในการร่วมพัฒนาจังหวัดขอนแก่นสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่สอดรับกับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 4.0 ซึ่งหัวใจสำคัญของการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ คื�?การเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่ว�?ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ภายใต้แผนทั้�?6 ด้าน แผนการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) พลเมืองอัจฉริยะ (Smart Citizen) สิ่งแวดล้อมอัจฉริย�?(Smart Environment) เศรษฐกิจอัจฉริย�?(Smart Economy) และการบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) ซึ่งทางหอการค้าจะทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงทุกภาคส่วน เพื่อให้การพัฒนาเมืองเป็นไปในทิศทางเดียวกันตามแผนแม่บทพัฒนาเมือง�?รวมถึงมุ่งส่งเสริมการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านกายภาพ (Infrastructure) และรูปแบบอินเทอร์เน็ตออฟติงส�?(IoT) ให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่ของคนในพื้นที�?และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาระบบสาธารณูปโภ�?และการคมนาคมต่าง�?ให้ทันสมัย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะนำพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีด้านพลังงานต่างๆ มาใช้ภายในเมืองขอนแก่นอย่างเป็นรูปธรรม�?/p>

นายทรงศักดิ์ ทองไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่�?/strong> กล่าวว่า “การใช้พลังงานสะอาดในประเทศไทยใ�?ปัจจุบัน และอนาคต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากทุกภาคส่วนเริ่มให้ความสำคัญ และหันมาใช้กันอย่างแพร่หลา�?ไม่ว่าจะเป็�?พลังงานล�?พลังงานจากขย�?โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย�?ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาดที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่มีแดดตลอดทั้งป�?ดังนั้นในฐานะภาคีเครือข่าย�?จึงมองหาโอกาสที่จะนำพลังงานสะอาดมาใช้กับโครงการพัฒนา Smart City ซึ่งบ้านปู เน็กซ�?จะเข้ามาตอบโจทย์ดังกล่า�?เนื่องจากเป็นองค์กรชั้นนำที่มีประสบการณ์ในแวดวงพลังงานสะอาดมายาวนา�?ทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภา�?รวมถึงมีโซลูชั�?และเทคโนโลยีพลังงานที่หลากหลายครบวงจ�?จึงเชื่อว่าจะนำมาปรับใช้กับแต่ละพื้นที่ในจังหวัดขอนแก่นได้อย่างเหมาะสม สำหรับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่�?เราจะเดินหน้าสร้างการรับรู้ถึงความร่วมมือในครั้งนี�?และส่งเสริมการให้ความรู้เรื่องพลังงานสะอาดกับเหล่าสมาชิก และคนในชุมชน เพื่อร่วมกันดำเนินงานในทิศทางที่สอดคล้องกัน โดยเชื่อว่าหากความร่วมมือครั้งนี�?เริ่มมีความคืบหน้�?อาทิ มีการติดตั้งโซลาร์ หรือระบบโครงข่ายอัจฉริยะ จะสามารถยกระดับสภาพแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงช่วยสร้า�?Smart Environment ที่มีการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง�?/p>

นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไท�?/strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้�?บริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง (เคเคทีท�? จำกั�?/strong> กล่าวว่า “บริษั�?ขอนแก่นพัฒนาเมือง (เคเคทีท�? จำกั�?หรือ เคเคทีท�?คื�?บริษัท ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มนักธุรกิจที่เป็นลูกหลานชาวขอนแก่น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อร่วมกันขับเคลื่อน และพัฒนาจังหวัดขอนแก่นให้เติบโตอย่างถูกหลักวิชาการ ตลอดจนมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในจังหวัด ซึ่งในฐานะหนึ่งในภาคีเครือข่ายที่ร่วมพัฒนาจังหวัดขอนแก่นมาโดยตลอ�?จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ผนึกความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในแวดวงธุรกิจพลังงานสะอาดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่า�?บ้านปู เน็กซ�?และเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญของแผนพัฒนาสมาร์ทซิตี้ เพราะเทคโนโลยีพลังงานสะอาด คื�?ฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเมืองให้ก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภา�?สมบูรณ�?และมีความยั่งยืน ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริม และปลูกฝังให้ทุกภาคส่ว�?และคนในท้องถิ่นเห็นความสำคัญ และหันมาใช้พลังงานสะอาดกันเพิ่มมากขึ้�?เพื่อร่วมกันบริหารจัดการพลังงานในพื้นที่ให้มีประสิทธิภา�?ลดมลภาวะ และลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนในพื้นที่ รวมถึงช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับทางจังหวั�?ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในอนาคตได้อีกด้วย�?/p>
�?strong>บ้านปู เน็กซ�?/strong> จะเริ่มดำเนินการต่าง�?ร่วมกับภาคีเครือข่าย�?สภาอุตสาหกรรมขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิ�?โดยบริษัทฯ เตรียมจะเข้าประชุมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมขอนแก่น เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแผนงานในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับโรงแร�?และโรงงานอุตสาหกรรมทั้งขนาดกลา�?และขนาดใหญ่�?นางสมฤดี กล่าวทิ้งท้า�?/p>The post ‘บ้านป�?เน็กซ์�?จับมือ ‘ภาคีเครือข่ายพัฒนาเมืองขอนแก่��?เดินหน้านำเทคโนโลยีพลังงาน��ะอาดหนุนแผนพัฒนาขอนแก่นสมาร์ทซิตี้ first appeared on Green Network.

Smart City | Green Network

Green Network — Wed, 16 Sep 2020 05:44:04 +0000

องค์การสหประชาชาติ (United Nation) ได้ประมาณการว่�?ภายในปีค.�? 2050 จะมีจำนวนประชากรบนโลกเพิ่มขึ้นอี�?2 พันล้านค�?ส่งผลให้เมืองขนาดใหญ่แบบมหานค�?Mega Urban City มีจำนวนมากขึ้นในอี�?15 ปีข้างหน้า และจากสถิติเฉลี่ยในปัจจุบั�?มีผู้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่รา�?55% ในขณะที่ 45% อาศัยอยู่นอกเขตเมืองโดยในอีก 30 ปีข้างหน้า คาดว่าสัดส่วนผู้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่จะเพิ่มเป็�?68% สำหรับประเทศไท ปัจจุบันมีอัตราการอยู่อาศัยในเมืองใหญ่อยู่ที่ประมา�?50% (Research by Siemens)

นอกเหนือจากเมืองขนาดใหญ่แบบมหานค�?Mega Urban City ที่มีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ด้วยสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) หรือ โรคระบาดร้ายแรงต่า�?�?(Pandemic) ปัจจัยเหล่านี�?ส่งผลให้การพัฒนาเมืองใหญ่ และการเตรียมการในด้านต่าง �?เพื่อรับมือต่อสถานการณ์ดังกล่าวกลายเป็นภารกิจสำคัญ อาทิ การบริหารสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐา�?การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและที่พักอาศัย การบริการทางสังค�?บริการด้านสาธารณสุ�?หรือแม้แต่การศึกษา ซึ่งความท้าทายเหล่านี�?ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีเดิ�?�?ที่มีอยู�?ในขณะที่เทรนด์การเติบโตของมหานคร (Urbanization) และดิจิทัลไลเซชั่�?(Digitalization) ได้พัฒนามาจนเกิดเป็นมิติใหม่สำหรับคนเมือง ดังนั้�?�?strong>เมืองอัจฉริยะ�?จึงเป็นหนึ่งในคำตอบที่จะเข้ามาช่วยบริหารเรื่องใหม่ๆ เหล่านี�?/p>
เมืองอัจฉริยะคืออะไ�??

เมืองอัจฉริยะ คื�?การผสานรวมวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองใหญ่ โดยมุ่งเน้นการบริหารทรัพยากรของเมืองอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยื�?และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการจัดกา�?พร้อมลดการทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อ�?ซึ่งการสร้างเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นได้จ��ิงนั้น จำเป็นจะต้องมีเทคโนโลยีสำคั�?3 กลุ่มหลั�?ประกอบด้วย

สมาร์ทกริด (Smart Grid) หรือโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริย�?/strong> ซึ่งเป็นโครงข่ายไฟฟ้าที่นำเทคโนโลยีหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกั�?ไม่ว่าจะเป็นระบบเซนเซอร์และการควบคุมอัตโนมัติเพื่อให้ระบบไฟฟ้ากำลังสามารถรับรู้ข้อมูลสถานะต่าง �?ในระบบได้แบบ Real Time รวมถึงระบบสารสนเทศ ระบบเก็บข้อมู�?และระบบการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้โครงข่ายไฟฟ้าสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น มีความสามารถมากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยล�?มีประสิทธิภา�?มีความน่าเชื่อถื�?มีความยั่งยืนปลอดภัยและที่สำคัญคือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อ�?ทั้งนี้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะจะต้องครอบคลุมระบบไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งรวมถึงตั้งแต่ระบบการผลิต ระบบส่�?ระบบจำหน่า�?จนถึงระบบของผู้ใช้ไฟฟ้�?/li>
อาคารอัจฉริย�?(Smart Building) ภายในปีค.�? 2050 ประชากรโลกกว่า 70% จะพำนักอาศัยอยู่ภายในอาคาร และจะยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นในอนาค�?ซึ่งหมายความว่�?ความคาดหวังของผู้อยู่อาศัยจะสูงขึ้นตามไปด้วย อาคารต้องเป็นมากกว่าโครงสร้างผนังและหลังคา สามารถมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัยได้มากขึ้น ดังนั้�?อาคารจะต้องมีระบบอัจฉริยะที่ทำให้อาคารสามารถตอบสนองต่อความต้องการผู้อยู่อาศัยได้ สามารถเรียนรู�?แล�?ปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และที่สำคัญคือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อ�?/li>
ระบบไอซีทีอัจฉริยะ (Smart ICT : Smart Information and Communication Technology) ปีนี้อุปกรณ์มากกว่�?5 หมื่นล้านชิ้นจะสามารถเชื่อมต่อกันได้ แล�?1 ใน 5 ของอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกใช้อยู่ภายในอาคา�?นั่นหมายความว่�?ข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลจะถูกสร้างขึ้�?หัวใจสำคัญคือเราจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้และวิเคราะห์ได้อย่างไร จึงจะทำให้เมืองมีความยืดหยุ่นในการบริหา�?ในขณะเดียวกั�?ยังสามารถตอบสนองความต้องการในระดับชุมชนและระดับบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุ�?เมืองอัจฉริยะจะเกิดขึ้นได้ เมื่อทั้ง 3ส่วนนี้ทำงานผสานกั�?/li>

สมาร์ทกริดเชื่อมต่อระหว่างระบบพลังงานอัจฉริยะกับผู้บริโภค

ในอนาคตผู้ใช้ไฟฟ้าจะเป็นเป้าหมายของการท�?strong>ดิจิทัลไลเซชัน (Digtialization) ของการใช้พลังงาน ระบบสมาร์ทกริดจะเริ่มจากในบ้านเรือน มีการใช้เซนเซอร์อำนวยความสะดวกสบาย การนำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) มาใช้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าจะทำให้เราสามารถควบคุมและเฝ้าติดตามการเปิดปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านผ่านโทรศัพท์มือถือได�?นอกจากนี้ระบบไฟฟ้าจะมีเสถียรภาพม��กขึ้�?ปัญหาไฟตกไฟดับ จะน้อยลงเรื่อ�?�?จนแทบไม่มีเลย เนื่องจากมีระบบการจัดการที่ชาญฉลา�?br /> เมื่อระบบสมาร์ทกริดมีการติดตั้งครบถ้ว�?ระบบจะสามา��ถรู้ได้ว่ามีปัญหาไฟฟ้าเกิดขึ้นที่บริเวณใดหรือบ้านหลังไหนผ่านทางมิเตอร์ที่ติดหน้าบ้าน และจะส่งข้อมูลไปยังระบบควบคุมว่าสามารถจ่ายไฟจากวงจรข้างเคียงมาทดแทนได้หรือไม�?รวมถึงสามารถส่งข้อมูลไปยังทีมงานที่ดูแลการแก้ไขปัญหาให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขได้อย่างรวดเร็�?หรืออีกแนวทางหนึ่งคือการใช้ระบบแก้ไขแบบอัตโนมัติ โดยระบบนี้สามารถนำไปใช้ในอาคารที่ขนาดใหญ่ขึ้นได้ เช่นในอาคารอัจฉริยะ ซึ่งหัวใจสำคัญของสมาร์ทกริดคือ การทำให้พลังงานสะอาด สามารถถูกนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุ�?ประหยัดที่สุดและยั่งยืนที่สุ�?ภายใต้แนวคิดพลังงานไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (Decentralization)

นอกจากนี�?ระบบการซื้อขายไฟฟ้�?/strong>ในอนาคตจะเปลี่ยนไปเช่นกัน ผู้ใช้ไฟจะมีทางเลือกมากขึ้�?สามารถเลือกซื้อไฟฟ้าผ่า�?Energy Trading Platform และสามารถเป็นผู้ขายไฟฟ้าได้หากมีการติดตั้งแผงโซล่าบนหลังคา (Solar Rooftop) พฤติกรรมของโพรซูเมอร์ (Prosumer) (ซึ่งมาจากคำว่า Professional Producer บวกกับ Consumer) หมายถึงการเข้ามามีบทบาทในการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง เปลี่ยนจากผู้บริโภค ให้กลายมาเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคในตัวเอง เป็นพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่งของเมืองอัจฉริยะ ผู้ใช้ไฟยังสามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มผู้ผลิตในหนึ่งหมู่บ้าน เพื่อขายไฟฟ้าในลักษณะขอ�?Virtual Power Plant ซึ่งหากมีแหล่งผลิตไฟฟ้าอื่นๆ เพิ่มเติ�?ก็สามารถเพิ่มให้ม�?strong>การจัดการไฟฟ้าภายในหมู่บ้านเองโดยการใช้ระบบไมโครกริด (Micro Grid) ทำให้การบริหารจัดการไฟฟ้าภายในหมู่บ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถมีไฟฟ้าใช้ตลอดเวล�?แม้ว่าไฟจากการไฟฟ้าจะเกิดเหตุขัดข้องจากภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรา�?/strong> ของกระทรวงพลังงานที่มีเป้าหมายเปิดรับซื้อไฟฟ้�?700 เมกะวัตต์ในปี�?�?2564 รวมถึงการเพิ่มขึ้นขอ�?strong>รถยนต์ไฟฟ้�?/strong> ก็นับเป็นตัวแปรสำคัญที่ต้องการระบบสมาร์ทกริดเพื่อการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภา�?/p>
อาคารอัจฉริยะต้องสื่อสารกับเราได�?/h2>
ในอนาค�?อาคารมีหน้าที่ปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้อาศั�?หัวใจสำคัญคือทำอย่างไรอาคารจึงสามารถบริหารพลังงานที่สร้างขึ้�?ด้วยค่าใช้จ่ายต่ำที่สุ�?แต่ยังใช้ประโยชน์สูงสุดได้ อาคารอัจฉริย�?/strong>จะมีความสามารถในคำนวณค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างแม่นยำ แม้แต่ในสภาพอากาศแปรปรวนก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของพลังงา�?และความสะดวกสบายของผู้พักอาศัย ระบบทำความเย็นจะยังสามารถทำงานได้ตามปกต�?ทั้งหมดนี้คือผลที่ได้รับจากการประมวลผลของเทคโนโลยีพยากรณ์อากาศ บวกกับการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้พักอาศัย เราจะสามารถนำพลังงานมาวางแผ�?กระจาย ใช�?และจัดเก็บตามความเหมาะสม และเมื่ออาคารสามารถสร้างและบริหารพลังงานได้ด้วยตัวเอง อาคารก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบพลังงานในเมืองอัจฉริยะ

เทคโนโลยีดิจิทัลทวิ�?(Digital Twins) เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารอาคา�?การออกแบบเสมือนจริงก่อนการก่อสร้าง จะช่วยให้เจ้าของอาคารสามารถเห็นภาพจำลองดิจิทัลของอาคารล่วงหน้าในทุกมิต�?ซึ่งจะช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุ�?หรือแม้แต่ในช่วงของการบริหารอาคา�?อาคารจะสามารถให้ข้อมูลซึ่งจะถูกนำไปประมวลผลคู่กับแบบจำลองดิจิทัลของอาคารเพื่อจำลองสถานการณ์เสมือนจริงล่วงหน้�?ทั้งหมดนี้จะทำให้การบริหารอาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเช่นกัน นอกจากนี�?อาคารยังสามารถคาดการณ์ปัญหาต่า�?�?ได้ล่วงหน้�?ความสามารถเหล่านี้จะทำให้ต้นทุนการบริหารอาคารลดลง แต่มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้�?/p>
สมาร์ทไอซีที �?.ระบบพลังงานใหม่แห่งอนาคตให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภ�?/h2>
สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของสมาร์ทไอซีท�?คือการช่วยวิเคราะห์และนำเสนอจากข้อมูลที่มีอยู�?เพื่อตอบสนองความต้องการในการบริหารระบบได้อย่างรวดเร็�?ในขณะที่ยังสามารถช่วยคาดการณ์ปริมาณของโหลดพลังงานที่ต้องใช�?และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ระบบบริหารพลังงานมีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ความต้องการของผู้อาศัยได้หลากหลายมิติยิ่งขึ้น
ซีเมนส์เป็นหนึ่งในทีมที่ร่วมสนับสนุนโครงกา�?Aspern Smart City Research ประเทศออสเตรีย ซึ่งนับเป็�?strong>เมืองอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็�?Living Lab หรือห้องวิจัยที่เก็บตัวอย่างจากการใช้งานในชีวิตจริง ที่ใช้เพื่อพัฒนาโซลูชั่นพลังงานสำหรับเมืองแห่งอนาค�?และยังเป็นโครงการที่ได้รับรางวั�?World Smart City Awards ที่งาน Smart City Expo World Congress 2016 อีกด้ว�?/p>

สำหรับประเทศไท�?นโยบายการผลักดันเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของรัฐบา�?นับเป็นทิศทางที่ถูกต้องในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการแก้ปัญห�?อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าจะเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง โดยภาครัฐควรมีบทบาทในการสนับสนุนเรื่องกฎหมายและการลงทุน ขณะที่ภาคเอกชนสามารถช่วยในเรื่อ�?Know-how เทคโนโลยี เพื่อนำมาช่วยในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพทางพลังงานและการลดการเกิ�?CO2

ดังนั้นทุกฝ่ายจำเป็นต้องทำงานประสานกั�?เพื่อนำเทคโนโลยีต่าง �?เข้ามาปรับใช้ ในการรวบรว�?วิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลอย่างเหมาะสม ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใ�?วางแผน ปรับปรุง สร้างสรรค์ร่วมกั�?ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่า�?เมืองอัจฉริยะสามารถเกิดขึ้นในประเทศไทยได้อย่างแท้จริง

Source: by สุวรรณ�?สิงห์ฤาเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและซีอีโ�?ซีเมนส์ ประเทศไท�?/p>The post เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ต้องมีเทคโนโลยีสำค��ญอะไรบ้า�? first appeared on Green Network.

Smart City | Green Network

Green Network — Tue, 30 Jun 2020 09:48:34 +0000

กีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ�?ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ร่วมด้วย พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี�?จำกั�?(มหาช�? ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้�?เพื่อพัฒนาพื้นที่ภายใต้โครงกา�?ออริจิ้น สมาร์ท ซิตี�?รามอินทร�?โดยสร้างเมือง อัจฉริยะแบ�?Smart Eco นำนวัตกรรมใหม่ประยุกต์ใช้หนุนพลังงานทดแท�?วางระบบการบริหารจัดการพลังงานอย่างคุ้มค่�?ร่วมนำร่องการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ในกรุงเทพ�?�?อาคารวัฒนวิภาส การไฟฟ้า นครหลว�?สำนักงานใหญ่ คลองเตย

กีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ�?/figcaption>

กีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ�?/strong> ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA กล่าวว่า MEA มุ่งมั่น ขับเคลื่อนระบบพลังงานอัจฉริยะเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร ให้มีระบบไฟฟ้าที่มั่นค�?มีประสิทธิภา�?และปลอดภัย ไปพร้อมๆ กับการใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อ�?โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช�?พลังงานทดแทนที่มีประสิทธิภาพ โดยในครั้งนี�?MEA ได้ร่วมลงนามกับบริษั�?ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี�?จำกั�?(มหาช�? ในบันทึกความเข้าใจโครงการร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้�?เพื่อพัฒนาพื้นที่ภายใต้โครงกา�?�?strong>ออริจิ้น สมาร์ท ซิตี�?รามอินทร�?/strong>�?ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่อง ในการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart City) แห่งแรกในเขตเมืองของออริจิ้นฯ โด�?MEA จะสนับสนุนข้อมูลด้านระบบไฟฟ้าและข้อแนะนำทางเทคนิ�?เพื่อการบริหารจัดการพลังงาน คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพทั้งภายในห้องพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลาง การติดตั้งระบบสายไฟฟ้า ใต้ดินเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้��ับระบบไฟฟ้าและลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้�?รวมถึงการใช้พลังงานทดแทนร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้�?ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีในการผลักดันเมืองต้นแบบอัจฉริยะในด้าน Smart Eco ให้เป็นจริ�?และต่อยอดสู่การพัฒนาโครงการอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

พีระพงศ์ จรูญเอก

ด้าน พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี�?จำกั�?(มหาช�? หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า หลังจากเมื่อช่วงปล��ยปีที่ผ่านม�?บริษัท�?ได้เปิดตัวโครงการออริจิ้�?สมาร์ท ซิตี�?รามอินทร�?(Origin Smart City Ramintra) แลนด์มาร์คใหม่ที่ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงา�?โรงแรมเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ คอมมูนิตี้ มอลล�?ฯล�?บนพื้นที่ประมา�?13 ไร�?มูลค่าโครงการกว่�?6,000 ล้านบา�?ล่าสุด บริษัท�?ได้จับมือกับการไฟฟ้า��ครหลว�?หรือ MEA เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะในพื้นที่โครงการ ให้ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ หรือ Smart Eco
โดยทั้�?2 ฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาและนำระบบต่างๆ เข้ามาใช้ในพื้นที่โครงการ อาทิ ระบบการจัดการพลังงานภายในอาคาร (BEMS) ระบบการจัดการพลังงานภายในที่อยู่อาศั�?(HEMS) การทำระบบสายไฟฟ้าใต้ดินการใช้ระบบกักเก็บไฟฟ้าร่วมกับพลังงานทดแท�?เพื่อให้ทุกพื้นที่ภายในโครงการทั้งภายในที่อยู่อาศัย พื้นที่ส่วนกลา�?ตลอดจนอาคารต่างๆ มีการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการพลังงานอย่างยั่งยื�?ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างมา�?เราในฐานะหนึ่งในผู้นำของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ตัดสินใจร่วมมือกับ MEA เพื่อสร้างสรรค์ให้โครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี�?รามอินทร�?ของเรา กลายเป็นเมืองอัจฉริยะด้านสิ่งแวดล้อมแห่งแรก�?ของกรุงเทพ�?ช่วยลูกบ้านให้ได้ประหยัดพลังงานไปพร้อมกับช่วยเมืองและประเทศ นำร่องการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้น�?พีระพงศ์ กล่า�?/p>

สำหรับโครงการออริจิ้�?สมาร์ท ซิตี�?รามอินทร�?/strong> เป็นโครงการเมืองอัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต�?Beyond a Living Platform ประกอบด้วย 5 ส่วนอัจฉริยะ ได้แก่ 1. Smart Tech นำนวัตกรรมใหม่�?มาเอื้อต่อการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตแบบไร้รอยต่อ 2. Smart Eco สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีต่อผู้อยู่อาศัย ผ่านการบริหารจัดการพลังงานด้วยเทคโนโลยีทันสมั�?สร้างสังคมแห่งพลังงานทดแทน ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า 3. Smart Community สร้างอาณาจักรมิกซ์ยูสพร้อมบริการครบวงจ�?ตอบโจทย์ทั้งการเป็นแหล่งบ่มเพาะสตาร์ทอัพสายพันธุ์ใหม�?และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม�?4. Smart Security เพียบพร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่มอบความอุ่นใจในการใช้ชีวิต 5. Smart Wellness นำนวัตกรรมอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการสุขภาพ รับทราบข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สร้างสมดุลชีวิ�?/p>
ทั้งนี�?โครงการฯ เริ่มก่อสร้างเฟสแร�?ซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 8 อาคา�?ส่วนเฟส 2 และเฟส 3 อยู่ในระหว่างช่วงพัฒนา ตั้งแต่ไตรมา�?4 ปี �?�? 2562 คาดว่าเฟสแรกจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปี �?�? 2564

Source: นิตยสา�?Green Network ฉบับที�?99 พฤษภาค�?มิถุนายน 2563 คอลัมน�?SMART City โด�?กองบรรณาธิกา�?/p>The post กฟ�? จับมือ ออริจิ้น นำนวัตกร��มใหม่ สร้า�?Smart Eco หนุน “ออริจิ้�?สมาร์ท ซิตี�?รามอินทรา�?สู่เมืองพลังงานทดแทน first appeared on Green Network.

Smart City | Green Network

Green Network — Thu, 20 Feb 2020 02:55:32 +0000

จากปัญหาภาวะโลกร้อ�?หรือ Climate Change สู่ปัญหาขยะล้นโล�?กำลังเป็นที่จับตามองถึงความสูญเสียต่อสัตว์ทะเลหายากในท้องทะเลจากการกลืนขยะพลาสติ�?โดยรายงานจากองค์กรอนุรักษ์ท้องทะเ�?หรือ Ocean Conservancy พบว่�?หลายประเทศในอาเซียน ซึ่งมีประเทศไทยเป็�?1 ใน 5 ที่เป็นต้นตอของการทิ้งขยะพลาสติกในทะเลรวมแล้วมากว่า 8 ล้านตั�?โด�?3 อันดับที่พบมากสุดในทะเลไทยคื�?ถุงพลาสติก 13% หลอดพลาสติ�?10% และฝาขวดพลาสติ�?8% ส่งผลกระทบมหาศาลต่อสัตว์ทะเ�?สัตว์บกและมนุษย์ สิ่งที่ตามมาคื�?ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อ�?/strong>

จึงนำมาซึ่งการรณรงค์ให้ประชาชนมีจิตสำนึกและตระหนักถึงความสำคัญช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อ�?จากทุกภาคส่วนหลายหน่วยงา�?โดยม�?บริษัท โกลบเทค จำกั�?/strong> ใน CDG Group ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการโซลูชั่นด้านข้อมูลแผนที่ดิจิทั�?แล�?Location Contents ที่มีความละเอียด ถูกต้อ�?และทันสมัยสูงสุด ครอบคลุมถึ�?10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้แบรนด์ �?strong>NOSTRA�?ได้เพิ่มแผนที่พื้นที�?12 จุดที่เปิดรับขยะพลาสติกลงในแอพพลิเคชั่�?NOSTRA Map เพื่ออำนวยความสะดวกแก่��ระชาชนในการนำขยะไปทิ้ง แล้วเข้าสู่กระบวนการคัดแยกและกระบวนการรีไซเคิลขยะ โดยสามารถดาวน์โหลดแอพฯ ใช้ฟรีได้ทันทีบน App Store แล�?Google Play

สำหรับพื้นที�?12 จุ�?รับรีไซเคิลพลาสติก ได้แก่

กรมควบคุมมลพิษ ถนนพหลโยธิ�?เขตพญาไ�?กรุงเทพ�?รับบริจาคอะลูมิเนียมใช้แล้วทุกชนิด เปลี่ยนให้เป็นส่วนประกอบของ ขาเทียมพระราชทา�?/li>
มูลนิธิพลังที่ยั่งยื�?บริษัท ปต�? จำกั�?(มหาช�? ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจัก�?กรุงเทพ�?รับบริจาคหลอดพลาสติกสะอา�?เปลี่ยนให้เป็นหมอนเพื่อผู้ป่ว�?ติดเตียงในชุมช�?/li>
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชัน จำกั�?(มหาช�? อาคารเอ็�?ทาวเวอร์ ชั้น 8 ถนนสุขุมวิ�?เขตพระโขน�?กรุงเทพ�?รับบริจาคกล่องนม เปลี่ยนให้เป็นหลังคาให้มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่�?(ภา) ยามยาก

โครงกา�?“วน�?บริษัท ทีบีพีไอ จำกั�?/strong> ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพรา�?จังหวัดนครปฐ�?รับบริจาคถุงช้อปปิ้ง ถุงน้ำตาลล้างสะอาด เปลี่ยนให้เป็นถุงใหม่เพื่อวนกลับมาใช้ใหม�?/li>
วัดทองนพคุ�?/strong> อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุร�?รับบริจาคขวดพลาสติกใ�?เปลี่ยนให้เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ภายในวัด เช่�?สะพา�?หรือแพ ซึ่งนอกจากจะใช้ในการประชาสัมพันธ์วัดแล้ว ยังเป็นตัวอย่างในการนำของเหลือใช้มาเพิ่มคุณค่าได้อีก

วัดจากแด�?/strong> อำเภอพระประแด�?จังหวัดสมุทรปราการ รับบริจาคขวดพลาสติกใ�?PET (แกะฉลากบีบให้แบน) ด้วยการแปรรูปเป็นเส้นด้า�?แล้วนำมาเย็บเป็นจีวรพระ

โครงก��รหลังคาเขียว บริษัท ไฟเบอร์พัฒน�?จำกั�?/strong> ถนนบางนา-ตราด อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ รับบริจาคกล่องนม กล่องเครื่องดื่ม กล่องน้ำผลไม้เปลี่ยนให้เป็นกระเบื้องหลังค�?โต๊ะ เก้าอี้

Precious Plastic BKK จักรพงษ์วิลล่า ท่าเตียน เขตพระนคร กรุงเทพ�?รับบริจาครับฝาน้ำดื่มพลาสติกเกร�?HDPE/PP เพื่อเปลี่ยนให้เป็นภาชนะพลาสติกแบบต่าง�?/li>
บริษัท ไทยค�?จำกั�?(มหาช�? อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี รับบริจาคหลอดที่ล้างสะอาดและแห้งแล้ว เปลี่ยนให้เป็นหมอนเพื่อผู้ป่วยติดเตียงในชุมช�?/li>
โครงการกรีนโรด (ผศ. ดร.เวชสวรรค์ หล้ากา�? อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ รับบริจาคถุงหูหิ้ว ถุงแกงล้างสะอา�?เปลี่ยนให้เป็นอิฐบล็อกปูถนน

กลุ่�?Trash Hero Thailand : Ecobricks Bamboo School หมู่บ้านบ้องตี้ล่า�?อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี รับบริจาคพลาสติกชิ้นเล็กๆ ใส่ขวดพลาสติกให้แน่นสร้างโรงเรียนจากขวดพลาสติกอัดด้วยขย�?แล�?/li>
เพจผึ้งน้อยนักสู้ อาคารการ์เด้นโฮมพลาซ่า โซ�?2 ถนนพหลโยธิ�?อำเภอลำลูกก�?จังหวัดปทุมธาน�?รับบริจาคซองกาแฟ ถุงขนม ถุงพลาสติกนำไปล้างให้สะอาดแล้วกดอัดใส่ขวดทำเป็นโครงสร้างผนังแทนอิฐ หรือ Ecobricks

ทั้งนี�?ข้อมูลงานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมพบว่า สารไมโครพลาสติกที่เกิดจากขยะพลาสติกสร้างความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อาหารของมนุษย�?คาดว่าประชากรครึ่งโลกได้รับสารปนเปื้อนจากการบริโภคอาหารทะเ�?ซึ่งแผนที่ดิจิทั�?NOSTRA Map สะท้อนถึงความตั้งใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังเพื่อขับเคลื่อนโครงการรักษาสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ต่อไป และจะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกออกสู่สิ่งแวดล้อม ให้พลาสติกที่เราใช้กันอยู่ทุกวันกลับมาหมุนเวียนอยู่ในระบบให้นานที่สุด สำหรับประชาชนที่สนใจเปิดดูพิกัดและนำทางไปยังจุดรับรีไซเคิลขยะพลาสติ�?สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่�?NOSTRA Map และกดเปิดแผนที่ได้ทันท�?โดยก�?�?2 จุดรับรีไซเคิลพลาสติก�?หรือกด //map.nostramap.com/nostramap/?layer/Recycle2019

ข้อมูลที่คุณอาจสนใ�?/strong>

ทั่วโลกกำจัดขย�?(พลาสติ�? แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อ�?ร่วมกันอนุรักษ์พลังงาน

Upcycle แล�?Recycle วิถีแห่งความยั่งยื�?/a>

“ปรับมุมมองขยะ�?ให้เป็นวัตถุดิบมากกว่าของเหลือทิ้ง แก้วิกฤติขยะทะเลไทย

ถังหมักรักษ์โลก…เปลี่ยนขยะให้เป็นประโยชน�?/a>

RDF จากขยะสู่เชื้อเพลิงพาณิชย์แก้ปัญหาเฉพาะหน้า วาระแห่งชาติ ขย�?ขย�?ขย�?/a>

Source: นิตยสา�?Green Network ฉบับที�?97 มกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 คอลัมน�?SMART City โด�?กองบรรณาธิกา�?/p>The post แอพพลิเคชั่�?NOSTRA Map ��้อมูลแผนที่ดิจิทั�?แก้ขยะล้นเมือง first appeared on Green Network.

Smart City | Green Network

Green Network — Thu, 16 Jan 2020 08:59:13 +0000

บริษัทแมกโนเลี�?ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต�?คอร์ปอเรชั่�?จำกั�?(MQDC) คิดค้นและพัฒนาร่วมกับบริษั�?เนสแท�?ประเทศไท�?จำกั�?(NESTECH) ได้เปิดตัวต้นแบบหอฟอกอากาศระดับเมืองชื่อ “ฟ้าใส�?ที่สามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้ในอัตราสูงสุด 120,000 ลูกบาศก์เมต�?ชั่วโม�?ติดตั้งที่โครงกา�?101 True Digital Park ที่เป็นศูนย์กลางแหล่งรวม Tech แล�?Startup Ecosystem ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต�?บริเวณ Family Park หน้าอาคารวิสซ์ดอ�?เอสเซ้นต�?สุขุมวิท ตลอดทั้งปี 2563 เพื่อทำการฟอกอากา�?และเก็บข้อมูลสภาพอากาศ โดยการทำงานของหอฟอกอากาศอัตโนมัติแบบไฮบริด เป็นการประสานระบบพลังงานไฮบริ�?คื�?การใช้ไฟฟ้าจากแผงโซล่าร์เซลล์ ขนาด 3,850 วัตต�?ร่วมกับแบตเตอรี�?ทำให้ช่วยลดการพึ่งพาแหล่งไฟฟ้าจากภายนอ�?

�?strong>ฟ้าใ�?/strong>�?มีหลักการทำงานโดยเริ่มต้นจากการใช้ใบพัดความเร็วสูงดึงอากาศเข้าไปในระบ�?และแยกฝุ่นขนาดใหญ่และขนาดเล็กด้วยความเร็วลมและการปล่อยละอองน้ำเพื่อเป็นการดักจับฝุ่น 3 ชั้น ต่อเนื่องด้วยระบ�?Jet Venturi Scrubber ระบบทั้งหมดใช้น้�?70 ลิตร ทำให้สามารถฟอกอากาศได้ในอัตราสูง 120,000 ลูกบาศก์เมต�?ชั่วโม�?โดยระบบอัจฉริยะจะควบคุมการทำงานของมอเตอร์ใบพัดให้สอดคล้องกับความเข้มข้นของฝุ่นละออง จนระดับความเข้มข้น PN 2.5 ลดลงถึงเกณฑ์ปกติ เป็นการลดปัญหามลภาวะทางอากาศให้กับเมืองอย่างต่อเนื่อ�?/p>

นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัทแมกโนเลี�?ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต�?คอร์ปอเรชั่�?จำกั�?(MQDC) กล่าวว่า MQDC ถือเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์รายแรกของประเทศไทยที่ได้มีการดำเนินงานและมีความใส่ใจในเรื่องปัญหาคุณภาพอากา�?นับเป็นความตั้งใจให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกระดับเมือง นับเป็นการขยายภา�?‘for all well-being�?เพื่อมุ่งเน้นด้านการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสรรพสิ่งบนโลก สร้างความสุขอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

รศ. ดร.สิงห�?อินทรชูโ�?/strong> หัวหน้าคณะที่ปรึกษ�?ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยื�?(Research & Innovation for Sustainability Center-RISC) กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละอองพิ�?PM 2.5 ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้�?RISC ในฐานะนักวิจัยและค้นคว้านวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิ�?จึงมุ่งศึกษาวิจัยเน้นแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพอากาศ โดยเฉพาะปัญหาภายนอกอาคารอย่างเรื่องฝุ่นพิษ PM 2.5 จึงเกิดแนวคิดในการยกระดับคุณภาพอากาศให้ดีขึ้�?ด้วยการสร้างต้นแบบหอฟอกอากาศระดับเมือง ภายใต้ชื่อ �?strong>ฟ้าใ�?/strong>�?ด้วยหอฟอกอากาศอัตโนมัติแบบไฮบริด (Hybrid Air Purifier Tower) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีได้ต่อยอดและพัฒนาขึ้นจากงานวิจัยที่ได้ศึกษาของ RISC ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีกั�?NESTECH เทคโนโลยีดังกล่าว เชื่อว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงในการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ เปลี่ยนจากท้องฟ้าที่มืดมัวด้วยหมอกพิษ ให้กลับมาสดใสสมกับชื่อฟ้าใ�?/p>

นายไกรพิชิ�?เมืองวงษ์ ผู้บริหา�?เนสเทค ประเทศไท�?จำกั�?(NESTECH) และประธานกลุ่มจิตอาสาเพื่อการจัดการภัยพิบัติ (ERIG) กล่าวว่า เนสเทค ประเทศไท�?รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมพัฒนากับ RISC แล�?MQDC ในการสร้างเครื่องต้นแบบ ฟ้าใ�?หอฟอกอากาศระดับเมืองขึ้น เนสเทค ประเทศไท�?หวังเป็นอย่างยิ่งว่�?ฟ้าใ�?จะเป็นแบบหอฟอกอากาศระดับเมืองที่กลไกลสนับสนุนการแก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นพิ�?PM 2.5 ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ยังมีแผนย้ายติดตั้งเครื่องฟอกอากาศระดับเมืองไปในพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศไม่ดี ระดับค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ในปริมาณที่สูง เพื่อฟอกอากาศให้กับประชาชนในบริเวณพื้นที่นั้�?นอกจากนั้น RISC ได้วางแผนการวิจัยต่อเนื่องเก็บข้อมูลฝุ่นละอองในพื้นที่ที่มีปริมาณรถยนต์สัญจรหนาแน่นและมีปริมาณฝุ่นจำนวนมา�?เพื่อนำข้อมูลมาวิจัยต่อยอดพัฒนาเป็นเครื่องฟอกอากาศระดับเมืองรุ่นต่อไปที่ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาค�?/strong>
The post ‘ฟ้าใส�?ตัวต้นแบบหอฟอกอากาศระดับเมือง ให้อากาศใสสะอา�?ปลอดฝุ่น PM 2.5 first appeared on Green Network.