Green Technology & Innovation | Green Network

Green Network — Thu, 22 Feb 2024 07:25:58 +0000

หนึ่งในวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่ติดต่อได้ง่ายและรวดเร็วในแต่ละชุมชนหรือแต่ละพื้นที�?ก็คือการเก็บตัวอย่างน้ำจากแหล่งน้ำเสียในชุมชน มาทำการตรวจวิเคราะห์หาปริมาณเชื้อก่อโรคเหล่านั้นด้วยวิธีการที่ถูกต้องและได้มาตรฐานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อ�?/strong>

ดังนั้�?จึงเป็นที่มาขอ�?“ระบบการเตือนภัยและคาดการณ์การระบาดของโรคโควิ�?19 ด้วยการตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนของเชื้อไวรั�?SARS-CoV-2 ในน้ำเสียชุมชน�?(Early Warning and Predicting System for COVID-19 Outbreaks Using Wastewater-based Epidemiology) ซึ่งเป็นผลงานวิจัยร่วมของทีมวิจัย 9 ท่าน ประกอบด้วย 1) ดร.ขวัญรว�?สิริกาญจ�?สถาบันวิจัยจุฬาภรณ�?2) ผศ. ดร.สุรพงษ�?รัตนกุ�?มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 3) ดร.จตุวัฒน์ แสงสานนท�?จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลั�?4) ผศ. ดร.ประเสริฐ มากแก้�?มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์�?5) ผศ.นพดล ปรีช�?มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ�?6) �?เกียรติคุ�?ดร.ศกรณ�?มงคลสุ�?สถาบันวิจัยจุฬาภรณ�?7) �?นพ.ยง ภู่วรวรร�?คณะแพทยศาสตร�?จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลั�?8) ดร.พญ.ศม�?วรรณลภาก�?คณะแพทยศาสตร�?จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลั�?แล�?) มนทกานต์ ศรีสังข์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ�?/p>

ผศ.ดร.สุรพงษ�?รัตนกุ�?/strong> อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร�?มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจ�?) ในฐานะผู้ร่วมวิจัย กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของงานวิจัยนี้เกิดขึ้นเมื่อราวกลางป�?2564 ซึ่งเป็นช่วงที่โรคติดเชื้อ COVID-19 เกิดการระบาดอย่างหนักทั่วโลกนั้�?ทางทีมวิจัยที่มีจุดแข็งด้านการทำงานกับเชื้อก่อโรคใ��น้�?จึงได้เริ่มต้นพัฒนาวิธีการตรวจวัดเชื้อ COVID-19 การวิเคราะห์และแปรผล เพื่อนำมาช่วยในการจัดทำระบบตรวจการปนเปื้อนของเชื้อโควิดจากแหล่งน้ำเสียของชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร

“เมื่อร่างกายได้รับเชื้อ COVID-19 ทั้งในระยะที่ป่วยหรือระยะที่ยังไม่แสดงอากา�?จะพบเชื้อโควิดปนเปื้อนผ่านอุจจาระ ปัสสาว�?และสารคัดหลั่ง ที่สุดท้ายเชื้อCOVID-19 ก็จะไปอยู่ในแหล่งน้ำเสียหรือระบบบำบัดน้ำเสียของชุมช�?งานวิจัยของเราในช่วงแร�?(�?�? 65 �?เ�?�? 65) คื�?การลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำเสียในชุมชนต่าง�?จากระบบบำบัดน้ำเสียหลั�?19 แห่ง ของกรุงเทพมหานคร มาตรวจจวัดปริมาณเชื้อ COVID ด้วยวิธีการตรวจวัดที่ได้พัฒนาขึ้นม�?และนำค่าปริมาณของเชื้อ COVID-19 ในน้ำเสียจากโรงบำบัดน้ำเสียแต่ละแห่ง มาวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์หาว่าพื้นที่ใดจะมีแนวโน้มที่จำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มมากขึ้น�?ผศ.ดร.สุรพงษ�?กล่า�?/p>
เตรียมอุปกรณ์และสารเคมีในห้อ�?Lab

จุดเด่นของระบบที่ทีมวิจัยพัฒนาเป็นการนำหลักการระบาดวิทยาของน้ำเสียแต่เดิมที่ใช้สำหรับตรวจวัดปริมาณการใช้สารเสพติดในชุมชนมาประยุกต์ใช�?โดยมีการการออกแบบพัฒนาขั้นตอ�?หรือวิธีการตรวจวัดน้ำเสียที่จำเพาะเข้าไปตรวจจับยีนของเชื้อไวรั�?COVID-19 ที่ใช้เวลาเพียงประมาณ 8 ชั่วโมงก็ทราบผลได้ รวมถึงปริมาณของเชื้อCOVID-19 ที่ตรวจเจอก็สามารถนำมาวิเคราะห์และประมาณการจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งที่แสดงและไม่แสดงอาการได้ด้ว�?/p>
การเพาะเชื้อไวรัสชี้แนะในห้อ�?Lab

“วิธีการที่ทางทีมวิจัยของเราพัฒนาขึ้�?นอกจากจะสามารถบอกได้ว่�?พบหรือไม่พบเชื้อCOVID-19 แล้ว ยังสามารถช่วยทำนายการระบาดได้ล่วงหน้�?1-2 สัปดาห�?หรืออาจล่วงหน้าได้ถึ�?3 สัปดาห์ในกรณีที่ตรวจพบเชื้อCOVID-19 ในน้ำเสียก่อนที่พื้นที่นั่นจะมีผู้แสดงอาการป่วยโรคCOVID-19 นอกจากนี้ตัวเลขของปริมาณเชื้อในน้ำเสี�?ยังสามารถนำมาทำนายแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยหรือบอกถึงปริมาณของคนที่จะติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย โดยยังสามารถทำกา�?Mapping แสดง Hot Spots ของจำนวนผู้ป่วยในแต่ละพื้นที่ภายใต้โรงบำบัดน้ำเสียของกรุงเทพมหานครแต่ละแห่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการตรวจหาเชื้อโควิดจากน้ำเสียนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ�?เช่�?กรมอนามั�?หรือ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น รวมถึงสามารถเป็นข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจเพื่อการออกมาตรการหรือนโยบายในการควบคุมการระบาดที่จะเกิดขึ้นในชุมชนหรือพื้นที่นั้�?�?ได้�?ผศ.ดร.สุรพงษ�?/strong> กล่า�?/p>
สกัดสารพันธุ์กรรมเชื้อไวรั�?COVID SARS-CoV-2

หลังจากสิ้นสุดโครงการวิจัยในระยะแร�?ทางทีมวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลและดำเนินการวิจัยต่อในระยะที่สองโดยทำการศึกษาตรวจวัดเชื้อCOVID-19 จากตัวอย่างน้ำเสียจากโรงบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ของ กท�? เพียง 4 แห่ง ซึ่งสามารถใช้เพื่อติดตามการระบาดของเชื้อโควิดในพื้นที่ที่ระบบบำบัดน้ำเสียของกรุงเทพมหานครครอบคลุมได�?โดยทีมวิจัยยังได้นำแนวทางปฏิบัตินี้ไปใช้กับการตรวจวัดเชื้อ COVID-19 ในน้ำเสียของจังหวัดภูเก็�?ในช่วงที่จังหวัดภูเก็ตเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศใหม่�?ภายใต้โครงกา�?“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox)�? เพื่อใช้ตรวจห�?“เชื้อCOVID-19 สายพันธุ์ใหม่�?/strong> ที่มีโอกาสนำเข้ามาพร้อมกับนักท่องเที่ยวจากทั่วโล�?/p>
จากผลสำเร็จที่ปรากฏผลเชิงรูปธรรม นอกจากจะทำให้ผลงานวิจัยชิ้นนี้ยังได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับนานาชาติและระดับชาต�?2 ฉบับด้วยกั�?คื�?1. เรื่อ�?“SARS-CoV-2 RNA surveillance in large to small centralized wastewater treatment plants preceding the third COVID-19 resurgence in Bangkok, Thailand” ปี 2022 วารสารวิชากา�?Science of The Total Environment แล�?2. เรื่อ�?“Wastewater monitoring in tourist cities as potential sentinel sites for near real-time dynamics of imported SARS-CoV-2 variants” ปี 2023 วารสารวิชากา�?Science of The Total Environment แล้ว ผลงานชิ้นนี้ยังได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาต�? รางวัลผลงานวิจัย ประจำป�?2567 รางวัลระดับด�?สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาต�?(วช.) อีกด้ว�?/p>
ปัจจุบัน ทีมวิจัยได้นำระบบฯ หรือเทคนิคการตรวจหาเชื้อไวรั�?COVID SARS-CoV-2 ในน้ำเสียชุมชนนี�?ไปต่อยอดงานวิจัยที่ใช้ระบาดวิทยาในการตรวจหาเชื้ออื่น�?เช่�?�?/strong>การตรวจวัดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะในน้ำเสีย�?“การตรวจวัดเชื้อโรคอุบัติใหม่�?แล�?“การควบคุมเชื้อก่อโรคอุบัติใหม่ในน้ำเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด�?/p>
ทั้งนี�?เทคนิคและขั้นตอนการวิเคราะห์ได้ถูกบรรจุไว้ใน “คู่มือแนวทางการเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน�?2019 ด้วยน้ำเสีย�?/strong> สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุ�?/p>The post นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำผนึกกำลังพัฒนา “เทคนิคตรวจเชื้อ COVID-19 ในน้ำเสีย�?ช่วยสาธารณสุขรู้ล��วงหน้า 3 สัปดาห์ก่อนระบาด first appeared on Green Network.

Green Technology & Innovation | Green Network

prompong — Wed, 07 Feb 2024 11:06:44 +0000

รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฏฐนียา โตรักษ�?ผู้อำนวยการโครงการจัดตั้งสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงบทบาทของสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ ว่�?เป็นไปตามมาตรฐานสวนพฤกษศาสตร์ระดับโลกที่ให้น้ำหนักต่อการปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่ประชาชน ให้ได้รู้จักแสวงหาองค์ความรู้อันเป็�?“ปัญญาของแผ่นดิน�?/strong> ตามปณิธานของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกเหนือไปจากองค์ความรู้ด้านสมุนไพ�?และแมกไม้นานาพรร�?/p>

โด�?“Re – leaf�?เกิดจากการส่งเสริมให้บุคลากรโครงการจัดตั้งสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาต�?มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นนวัตกรรมที่นำไปสู่การ “เยียวยาสิ่งแวดล้อม�?ให้รอดพ้นมลพิษจากการเผาทำลา�?กลายเป็นสื่อการสอนใ�?“ห้องเรียนธรรมชาติ�?เพื่อเยาวช�?และชุมชนได้เรียนรู้ร่วมกัน เพื่อต่อยอดสู่การทำประโยชน์ต่อไปในวงกว้าง

กมลชนก สาลี เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไ�?โครงการจัดตั้งสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาต�?มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะแกนนำโครงการ “Re – leaf�?/strong> ได้ใช้องค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้จากการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษามาทำให้ใบไม้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมหาศาลในแต่ละวันของอุทยานฯ มีค่�?และมีความหมา�?/p> จากการนำใบไม้มาประดิษฐ์เป็นกระถางที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แทนการใช้พลาสติก นอกจากจะช่วยลดการเผาทำลา�?ซึ่งจะไปทำลายชั้นบรรยากาศทำให้โลกร้อนขึ้นแล้�?ยังช่วยลดการเร่งปฏิกิริยาที่จะก่อให้เกิดมลพิษ PM2.5 ซึ่งกำลังคุกคามทุกชีวิตบนโลกให้ทวีความรุนแรงน้อยลง
จากที่ได้ทดลองผลิตโดยพัฒนาเทคนิคและวิธีการที่ทำให้กระถางจากเศษใบไม้มีความคงทนแข็งแรงมากขึ้นด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อ�?นางสาวกมลชนก สาลี ได้ทดลองใช้กระดาษรียูสเป็นแกนกระถาง และพร้อมใส่ใจในทุกรายละเอียดของการผล��ต เพื่อป้องกันการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อ�?โดยหลีกเลี่ยงไม่ใช้กระดาษที่มีหมึกเต็มหน้�?/strong>

ตั้งแต่งานวันแม่แห่งชาติเมื่อปี 2566 ที่ผ่านม�?กมลชนก �?/strong>ด้ทดลองใช้กิจกรรมประดิษฐ์กระถางจากธรรมชาติ เป็นกิจกรรมสร้างเสริมความผูกพันในครอบครัว โดยได้รับความสนใ�?และการตอบรับเป็นอย่างดีจากชุมชน

ก้าวต่อไปจะผลักดันให�?“Re – leaf” ได้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมรายได้ของชุมชน โดยกำลังอยู่ระหว่างการศึกษ�?“จุดคุ้มทุน” ซึ่งจะพิจารณาจากทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่การผลิ�?/strong> (Value Chain) ไม�?strong>ให้สูงกว่ากระถางพลาสติกที่ใช้อยู่เดิ�?โดยจะต้องพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ�?พร้อมสร้างจิตสำนึกต่อชุมชนให้เกิดความภาคภูมิใจต่อการได้มีส่วนร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยในขณะเดียวกั�?/strong>

ให�?“Re – leaf” ได�?“Relief” เยียวยาทุกหัวใจให้เป็�?“สีเขียว�?/strong> เพื่อให้ทุกคนบนโลกได้ตื่นขึ้นมาพร้อมอากาศบริสุทธิ�?ติดต่อขอรับคำปรึกษ�?และพัฒนาไอเดียเพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมได้ที่ www.sr.mahidol.ac.th
The post �?มหิดล��ร้างสรรค�?‘Re �?leaf�?กระถางจากเศษใบไม�?มุ่งพัฒนาเยาวช�?�?ชุมชนหัวใจสีเขียว first appeared on Green Network.

Green Technology & Innovation | Green Network

Green Network — Mon, 08 Jan 2024 09:26:03 +0000

ปัญหาสิ่งแวดล้อมสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกกลับมาให้ความสนใจในช่วงหลายปีหลั�?คื�?เรื่องมลภาวะทางอากา�?โดยเฉพาะมลภาวะจากฝุ่�?PM2.5 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั่วโลกรวมถึงประเทศไท�?โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ กรุงเทพ�?และปริมณฑล ที่ในป�?2566 มีปัญหาความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเป็นอันดับต้น �?ของโลก ดังนั้นเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่�?PM2.5 ให้ลดล�?การมีฐานข้อมูลบัญชีการระบายมลพิษ เพื่อค้นหาต้นกำเนิดที่แท้จริงของฝุ่นละอองขนาดเล็กหรื�?PM2.5 จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนนโยบายเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขหรือบรรเทาปัญหามลภาวะทางอากาศของประเทศไท�?/p>

เพื่อให้ประเทศไทยมีข้อมูลบัญชีการระบายมลพิษในการแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศที่ถูกต้อง แม่นยำ รองศาสตราจารย์ ดร.สาวิตร�?การีเวทย์ และคณะ จากบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจ�?) จึงได้ดำเนินโครงการ “การจัดทำแนวทางการจัดการฝุ่น PM2.5 โดยการวิจัยการเกิดอนุภาคทุติยภูมิ จากการใช้ระบบแบบจำลองการจัดการคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภาคกลาง�?/strong> ขึ้น เพื่อศึกษาแหล่งกำเนิดและกลไกของการเกิ�?PM2.5 ทุติยภูม�?(Secondary Aerosol Precursors) รวมถึงจัดทำแนวทางและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการจัดการคุณภาพอากาศที่สามารถแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศจา�?PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้ลดลงได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

รองศาสตราจารย์ ดร.สาวิตร�?/strong> การีเวทย์ จากบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) กล่าวว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ กรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑ�?ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานมาอย่างต่อเนื่อ�?ส่งผลต่อสุขภาพของคนในพื้นที่ เป็นสาเหตุให้มีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ โรคมะเร็งปอด และโรคปอดเฉียบพลันในเด็กเล็กเพิ่มสูงขึ้�?การใช้ “ข้อมู��บัญชีการระบายมลพิษ�?/strong> จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้

“เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มีทั้งที่เกิดจากการปล่อยโดยตรงจากแหล่งกำเนิ�?เช่�?การเผาในที่โล่�?ฝุ่นละอองจากรถยนต์ ที่เป็�?“ฝุ่นแบบปฐมภูมิ�?ยังม�?PM 2.5 “แบบทุติยภูมิ�?ที่เป็นการรวมตัวกันของสารตั้งต้น (Precursors) เช่�?ไนโตรเจนออกไซด�?ซัลเฟอร์ไดออกไซด�?แอมโมเนี�?แล�?NMVOC กับสารอื่น�?ผ่านปฏิกิริยาเคมีในอากาศอีกด้วย�?ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีทั้งบัญชีการระบายทั้งของฝุ่�?PM2.5 ปฐมภูมิและของสารตั้งต้นที่ก่อให้เกิ�?PM2.5 ทุติยภูม�?เพื่อนำเข้าระบบแบบจำลองการจัดการคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก่อนใช้ประกอบการตัดสินใจในการแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศจาก PM2.5 ของประเทศ ทั้งในระยะกลางและระยะยาวต่อไป�?รองศาสตราจารย์ ดร.สาวิตร�?กล่า�?/p>
แม้การทำโครงการวิจัยจะจำกัดอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ�?และปริมณฑล แต่การทำงานจริงจำเป็นต้องเก็บข้อมูลจากพื้นที่อื่นทั่วประเทศ เพราะอากาศไม่มีอาณาเขต การเกิดมลภาวะทางอากาศของพื้นที่อื่นๆ ส่งผลต่อมลภาวะทางอากาศของภาคกลางกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วย ซึ่งจากการวิจัยพบว่า สัดส่วนระหว่าง PM2.5 ปฐมภูม�?แล�?PM2.5 ทุติยภูมิอยู่ที่ 70:30 โดยในประเทศไทยแหล่งกำเนิ�?PM2.5 มาจากการเผาชีวมวลในที่โล่งในพื้นที่การเกษตรเป็นอันดั�?1 รองลงมาเป็นการเผาฟื�?ถ่านไม้เพื่อหุงต้มในภาคครัวเรือน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดเล็�?การผลิตซีเมนต์ และการจราจ�?ตามลำดับ

รองศาสตราจารย์ ดร.สาวิตร�?/strong> กล่าวว่าในส่วนของพื้นที่กรุงเทพ�?และปริมณฑล แหล่งกำเนิ�?PM2.5 ปฐมภูมิมาจากการจราจรเป็นส่วนใหญ�?ทั้งจากรถบรรทุกขนาดเล็�?ขนาดใหญ่ รถเมล�?รถยนต์ส่วนบุคค�?การเผาไหม้ในอุตสาหกรรมจากจังหวัดโดยรอบ เช่�?จังหวัดนครปฐ�?และสมุทรสาคร ขณะที่ฝุ่น PM2.5 ปฐมภูมิที่เกิดจากพื้นที่ภาคกลางจะมีต้นกำเนิดจากการเผาในที่โล่งในพื้นที่การเกษตร และการผลิตซีเมนต์ แต่จะสังเกตได้ว่าในช่วงที่กรุงเทพ�?ปริมณฑลและภาคกลางได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศสูงที่สุดในรอบปี จะเป็นช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี เป็นผลมาจากทั้งการเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่มวลอากาศมีการเคลื่อนตัวโดยความเร็วต่ำ รวมถึงเป็นช่วงที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เข้าสู่ช่วงเตรียมพื้นที่เพื่อการทำเกษตรรอบใหม�?จึงมีการเผาในที่โล่งในจำนวนมากขึ้�?รวมถึงการเกิดไฟป่าในหลายพื้นที�?ส่งผลให้ปริมาณมลพิษในอากาศสูงขึ้นอย่างมากและส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพ�?และปริมณฑล�?/p>
�?strong>หากมองเฉพาะกรุงเทพมหานครและพื้นที่ปริมณฑลจะเห็นว่าสาเหตุหลักของ PM2.5 ปฐมภูมิจะมาจากภาคการจราจรและภาคการขนส่�?/strong> ซึ่งโดยส่วนใหญ่รถมีอายุการใช้งานนา�?ส่งผลต่อการปล่อยไอเสียในปริมาณมาก หากประเทศไทยสามารถดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลตั้งไว�?คือการใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ที่จะเริ่มต้นในวันที�?1 มกราคม 2567 จะสามารถช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ปฐมภูมิได้กว่า 10% ภายในป�?2573 และเมื่อรวมปัจจัยของการใช้รถ EV ที่มีปริมาณมากขึ้นทุกป�?ก็จะช่วยลดปริมาณมลพิษทางอากาศได้เพิ่มขึ้นในอนาค�?ในส่วนของการเผาในที่โล่งพบว่า พื้นที่กรุงเทพ�?และปริมณฑลได้รับผลกระทบจากพื้นที่ใกล้เคียง จึงต้องมีมาตรการควบคุมการเผาเศษวัสดุชีวมว�?โดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรี ลพบุรี ราชบุร�?และสุพรรณบุร�?ซึ่งมีอัตราการเผาในที่โล่งในพื้นที่นาข้าวและไร่อ้อยในปริมาณสูง�?รองศาสตราจารย์ ดร.สาวิตร�?/strong> กล่า�?/p> สำหรับข้อมูลจากงานวิจัยได้ส่งต่อให้กับกรมควบคุมมลพิษและจังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปใช้ในการออกแบบนโยบาย และมาตรการในการแก้ไขปัญหามลพิษ PM2.5 ในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องและแม่นย�?สามารถแก้ไขปัญหาได้ถึงจุดกำเนิดของฝุ่น PM2.5
“จากงานวิจัยจะเห็นได้ว่าต้นกำเนิดฝุ่นอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ ข้อมูลของงานวิจัยนี้จะช่วยพัฒนาบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละพื้นที่ให้สามารถนำข้อมูลไปออกแบบหาวิธีการแก้ปัญหาถึงจุดกำเนิดของฝุ่น PM2.5 ได้โดยตร�?โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากกรมควบคุมมลพิษเหมือนอย่างที่เคยเป็นม�?เพราะจากงานวิจัยทำให้รู้ถึงแหล่งกำเนิดของฝุ่น PM2.5 ได้อย่างชัดเจน ซึ่งทุกภาคส่วนมีส่วนในการสร้าง PM2.5 ขึ้น ตั้งแต่ภาคประชาชนจนถึงภาคอุตสาหกรรมเพราะฉะนั้นปัญหาฝุ่นจึงไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ให้ลดลง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการแก้ปัญหาในอนาคต เพราะทุกคนมิได้มีแต่สิทธิ์ในการสูดอากาศสะอา�?แต่มีหน้าที่ทำให้อากาศมีคุณภาพที่ดีปลอดภัยต่อทุกคนอีกด้วย�?รองศาสตราจารย์ ดร.สาวิตร�?กล่าวทิ้งท้า�?/p>The post JGSEE สร้างบัญชีฐานข้อมูลแหล่งกำเนิดฝุ่�?PM2.5 ของประเทศ ชูมาตรการปรับมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิง �?หนุนใช้ร�?EV ลดฝุ่นได�?10% first appeared on Green Network.

Green Technology & Innovation | Green Network

Green Network — Wed, 06 Dec 2023 09:29:34 +0000

หากเอ่ยถึง ส้มบางมด ในอดีตเป็นผลไม้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมา�?สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับคลองบางม�?แต่จากปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำอย่างต่อเนื่องยาวนา�?ส่งผลกระทบต่อชาวสวนส้ม ทำให้ปัจจุบันสวนส้มบางมดกำลังจะเลือนหายไปจากพื้นที�?และการขาดแ��ลนน้ำจืดยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตไม้ผลพืชสวนของเกษตรกร และสัตว์น้ำของผู้ทำประมงน้ำจืดในพื้นที่เขตราษฎร์บูรณ�?ทุ่งคร�?และบางขุนเทียน มากกว่�?200 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่กว่�?500 ไร�?ทำให้ชาวบ้านต้องเลิกทำเกษตรไปหลายรา�?/strong>

สำหรับเกษตรกรที่อยู่ริมคลองบางมดจะทราบกันว่�?น้ำจะเค็มเกือบตลอดทั้งปี จึงไม่นิยมใช้น้ำเพื่อเกษตรกรรม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำประป�?ทำให้ปัจจุบันสถานะของคลองจึงไม่ได้เป็นคลองเพื่อเกษตรกรรม แต่เป็นคลองเพื่อรองรับและรอการระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านประตูระบายน้�?เกษตรกรจึงต้องปรับตัวหันไปปลูกพืชที่สามารถทนต่อน้ำเค็มได้ เช่�?มะพร้า�?และขุดบ่อกักเก็บน้ำจืดไว้ใช้ในร่องสวนของตัวเอง เพื่อแก้ปัญหานี�?หน่วยงานที่เกี่ยวข้อ�?ได้ใช้วิธีการให้เจ้าหน้าที่เขต ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำในคลองนำไปตรวจวัดค่าความเค็�?หากพบว่ามีน้ำเค็มเกินค่ามาตรฐานที่กำหน�?(สูงกว่�?1.2 ppt ) ก็จะประกาศแจ้งเตือนให้กับเกษตรกรในพื้นที่ทราบอยู่แล้�?แม้จะแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถแจ้งเตือนน้ำเค็มรุกล้ำได้อย่างทันท่วงที
ด้วยเหตุนี้ คณะทำงานโครงการมหาวิทยาลัยกับชุมชนและสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจ�?) จึงมีแนวคิดในการ “พัฒนาทุ่นตรวจวัดและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำพลังงานแสงอาทิตย์�?/strong> ขึ้น เพื่อใช้ตรวจสอบและติดตามสถานการณ์การรุกล้ำของน้ำเค็มในคลองบางมดและคลองสาข�?เฝ้าระวังและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำโดยเฉพาะค่าความเค็มที่สูงกว่ามาตรฐานกำหนดให้กับเกษตรกร เพื่อเตรียมป้องกันและรับมือได้อย่างทันท่วงที ทางคณะทำงานคาดหวังว่าเครื่องมือนี้จะมีส่วนช่วยให้เกษตรกรสามารถประเมินสถานการณ์น้�?เพื่อเตรียมตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่เกิดขึ้�?และฐานข้อมูลคุณภาพน้ำที่ได้เก็บรวบรวมไว้ ยังใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนการบริหารจัดการน้ำของชุมชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ในอนาค�?โดยได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาและติดตั้งจาก มจ�? จำนว�?5 เครื่อง แล�?Claremont McKenna College สหรัฐอเมริก�?ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านงานวิจัยระหว่างสถาบันการศึกษ�?จำนว�?1 เครื่อง รวมทั้งสิ้�?6 เครื่อง ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – กันยาย�?2566

อนุสรณ�?รัตนะธนโอภาส วิศวกรจากสถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ มจ�? และผู้พัฒนาทุ่นตรวจวัด�?กล่าวว่า ปกติปัญหาของเกษตรกรรมคื�?น้ำเค็มรุกล้ำในช่วงหน้าแล้�?แต่เกษตรกรในพื้นที่บางมดซึ่งเป็นเกษตรในเมือง ทั้งปริมาณและทิศทางการไหลของน้ำจะไม่ขึ้นลงตามธรรมชาต�?ขึ้นอยู่กับการเปิ�?��ิดประตูระบายน้ำสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อป้องกันน้ำท่วมชุมชนและที่อยู่อาศัยเป็นหลั�?ดังนั้�?เกษตรกรในพื้นที่บางมดจึงประสบปัญหาทั้งในหน้าแล้งและหน้าฝน ในอดีตวิธีแก้ปัญหาของเกษตรกร หากทราบถึงสถานการณ์ช่วงน้ำเค็มรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ จากการแจ้งเตือนของหน่วยงานต่างๆ จะเร่งปิดประตูระบายน้�?กันน้ำเค็มเข้าสวนทันท�?หรือหากมีระยะเวลาให้เตรียมตัวรับมือ ก็อาจขุดลอ�?ร่องสวนให้ลึกขึ้�?เพื่อเพิ่มพื้นที่เอาน้ำจืดเข้ามากักเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยปิดประตูระบายน้ำของสวน หรือบางรายที่ไม่มั่นใจคุณภาพน้ำในคลอ�?ต้องยอมจ่ายค่าน้ำประปา เพื่อนำมารดพืชผักของตนเองไปตลอดทั้งปี

“พอเราพัฒนาทุ่นตรวจวัดและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำฯ เครื่องต้นแบบจำนว�?2 เครื่อง ทำเป็นระบบอัตโนมัติส่งข้อมูลแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์บนสมาร์ทโฟนของเกษตรกร และทดลองใช้ได้ผลสำเร็�?ตัวทุ่นมีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายไปติดตั้งได้ทุกที่ แม้สายส่งไฟฟ้าเข้าไปไม่ถึ�?และต้นทุนต่ำ ในราคาที่เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้�?ทำให้ได้รับความสนใจจากเกษตรกร กลุ่มผู้ใช้น้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ�?ทางสำนักงานเขตทุ่งครุจึงได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์มายังมหาวิทยาลัยให้พัฒนาทุ่น�?เพิ่มอี�?3 เครื่อง�?อนุสรณ�?กล่า�?/p>
นอกจากนี�?Professor Katie Purvis-Roberts จา�?Claremont McKenna College ซึ่งทำงานวิจัยเรื่องสิ่งแวดล้อมและคุณภาพน้ำในคลองบางม�?ร่วมกั�?มจ�? ได้สนับสนุนงบพัฒนาทุ่น เพื่อติดตั้งที่บริเวณปากประตูน้ำระบายน้ำดาวคะนองออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา อี�?1 เครื่องเป็นความร่วมมือด้านงานวิจัยระหว่างสถาบันการศึกษ�?/p>

ทุ่นตรวจวัดและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ประกอบด้วย แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 20 วัตต์สำหรับผลิตไฟฟ้าให้ระบ�?มี Router Wi-fi ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็�?ทุ่นลอยน้ำมีน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดว�?แต่สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุดได้ถึง 70 กิโลกรัม และเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพน้ำ ที่ดัดแปลงและพัฒนามาจากเซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดคุณภาพน้ำในอควาเรียม ที่วัดค่าคุณภาพน้ำได้ถึง 6 พารามิเตอร์ (ความเค็�?อุณห��ูมิ ความถ่วงจำเพา�?กร�?ด่าง การนำไฟฟ้า และของแข็งที่ละลายน้�?

จุดเด่นของเครื่อง คื�?เมื่อค่าความเค็มในน้ำสูงกว่�?1.2 ppt (ค่าความเค็มที่เป็นอันตรายต่อพืช) ทุ่นตรวจวัดจะส่งข้อมูลแจ้งเตือนเข้าไปในแอปพลิเคชันบนมือถือแบบเรียลไทม์ เกษตรกรสามารถนำข้อมูลที่ได้ ไปวางแผนการจัดการน้ำในพื้นที่ของตนเองหรือสูบน้ำเข้ามากักเก็บไว้ก่อนที่น้ำเค็มจะรุกล้ำเข้ามาได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังเก็บบันทึกข้อมูลน้ำย้อนหลังเป็นรายชั่วโมงเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์แผนการจัดการน้�?นอกจากนี้ทุ่นยังมีขนาดเล็�?น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดว�?ติดตั้งได้ทุกพื้นที่แม้สายส่งไฟฟ้าเข้าไปไม่ถึ�?และราคาถูก

ปัจจุบันคณะทำงานได้ดำเนินการพัฒนาและติดตั้งทุ่นตรวจวัด�?เรียบร้อยแล้วทั้ง 6 จุ�?ได้แก่ จุดที่ 1 คลองบางม�?ติดตั้งที่หน้าบ้านของสวนมะพร้าวลุงวิชั�?แขวงท่าข้า�?เขตบางขุนเทียน (ตรงข้ามมัสยิดนูรุลหุดา พุทธบูชา 36 แย�?8) เนื่องจากคลองบางมดเป็นคลองหลักที่ชุมชนมีการนำน้ำไปใช้และไหลไปตามลำปะโดงต่าง�?ถือเป็นจุดแรกที่ทำการทดสอบและได้ผลสำเร็�?นำไปสู่การขยายผลต่อในจุดอื่น�?จุดที่ 2 คลองรางแม่น้�?/strong> เซฟติสท์ฟาร์ม (ประชาอุทิศ 76) เป็นจุดรับน้ำจา�?3 พื้นที�?(พระสมุทรเจดีย�? ทุ่งคร�?และบางขุนเทียน) ถือเป็นจุดจุดรับน้ำต้น��า�?ที่สามารถตรวจวัดคุณภาพน้ำก่อนที่จะไหลเข้าลำคลองบางมด

จุดที่ 3 คลองขุดเจ้าเมือง ครุใ�?(สุขสวัสดิ์ 70 แย�?16) เป็นคลองที่เชื่อมต่อมาจากพระประแดง ถือเป็นจุดรับน้ำต้นทาง จุดที่ 4 คลองรางราชพฤกษ์น้อ�?หรือคลองตาเหลือ อยู่ใกล้กับกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนกัมปงในดงปรื�?(ประชาอุทิศ 72) เป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงปลาค่อนข้างมา�?(ประมงน้ำจื�? ถือเป็นจุดที่เกษตรกรและผู้ทำประมงได้รับความเดือดร้อนจากน้ำเค็มค่อนข้างมาก จุ��ที่ 5 คลองค้างคา�?/strong> (ประชาอุทิศ 76 ลอดผ่านเลียบทางด่วนสายบางขุนเทียน-พระประแด�? เป็นแหล่งเลี้ยงปลาหรือวังปลาขนาดใหญ่ (ทั้งประมงน้ำจื�?และน้ำกร่อ�? ในพื้นที่ที่เชื่อมต��อกับเขตบางขุนเทียน

แล�?strong>จุดที่ 6 คลองดาวคะนอง บริเวณประ��ูระบายน้ำดาวคะนอ�?อยู่ในความดูแลของสถานีสูบน้ำคลองดาวคะนอง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับคลองสาข�?ทุ่นที่ติดตั้งในจุดนี้มีความแตกต่างจาก 5 ทุ่นข้างต้�?คื�?จัดทำเป็นสถานีแบบถาว�?เนื่องจากเป็นปากคลองขนาดใหญ่ก่อนออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำค่อนข้างลึ�?และมีเรือสัญจรเข้าออกตลอดเวล�?เกิดคลื่นน้ำกระแทกเข้าฝั่งอย่างรุนแรง ดังนั้นกล่องควบคุมและแผงโซลาร์เซลล์ จึงติดตั้งไว้บนฝั่งแทนการลอยน้�?เพื่อป้องกันความเสียหาย และสะดวกในการดูแลรักษา

จารุวรรณ แสงอรุ�?/strong> ตัวแทนเกษตรกรกลุ่มสัตว์น้ำทุ่งครุ กล่าวว่า ปัจจุบันทางกลุ่ม�?มี สมาชิกประมาณ 150 คน ปัญหาที่พบกันสวนใหญ่ คื�?นา�?และน้ำเค็�?โดยเฉพาะค่าความเค็ม�?เพราะ ปลานิล ปลายี่สก และปลาตะเพียน ถ้าค่าความเค็มตั้งแต่ 3 ppt ให้เฝ้าระวัง ส่วนปลาจาระเม็�?ถ้าความเค็มตั้งแต่ 2 ppt ขึ้นไปก็ควรระมัดระวังเช่นกัน หากปิดประตูกั้นน้ำไม่ทัน น้ำเค็มเข้าท่วมบ่อปล�?ต้องรีบนำปลาขึ้นจากบ่อ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ทัน ปัจจุบันพอได้ทุ่นฯ ตัวนี้มาใช้งานง่ายและสะดวกมากขึ้�?ไม่ต้องคอยตรวจวัดด้วยเครื่องวัดแบบเดิ�?ไม่ต้องรอผลวิเคราะห์นา�?สามารถตรวจดูค่าความเค็มได้จากมือถื�?อยู่ที่ไหนก็วัดได้ มีความแม่นยำ รู้ผลรวดเร็�?ทำให้มั่นใจ�?ในฐานะแกนนำกลุ่ม จะเรียกประชุมกลุ่มเพื่อแจ้งให้สมาชิกทราบว่า ตอนนี้เรามีทุ่น�?เตือนน้ำเค็มแล้�?ใครสนใจให้โหลดแอปพลิเคชันลงสมารท์โฟ�?เพื่อจะได้ทราบสถานการณ์น้ำเค็มได้ทันท่วงท่วงท�?/p> อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากทุ่นตรวจวัด�?ที่ติดตั้งในจุดที่ 6 (ประตูน้ำดาวคะนองออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาพบว่�?ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาไม่พบปัญหาการรุกล้ำน้ำเค็มที่เข้ามาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่คลองบางมดและคลองสาขาในพื้นที่ยังคงประสบปัญหาน้ำเค็มอย่างต่อเนื่อ�?คณะทำงาน�?กล่าวว่า ปัญหาการรุกล้ำของน้ำเค็มที่พบ เกิดจากภายในคลองบางมดมากกว่�?โดยน้ำเค็มที่รุกล้ำ ส่วนใหญ่ไหลเข้ามาทางพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตบางขุนเทียน และสมุทรปราการ ดังนั้�?มจ�? จึงเตรียมขยายโครงการในปีถัดไ�?เพื่อพัฒนาและติดตั้งทุ่นตรวจวัด�?เพิ่มขึ้นในจุดเชื่อมต่อคลองบางมดที่สำคัญต่อไป
“หลังจากนี�?คณะทำงานมีแนวคิด ต่อยอดพัฒนาทุ่นต้นแบบรุ่นใหม�?โดยเพิ่มคุณสมบัติการตรวจวัดทิศทางการไห�?และระดับน้ำในคลอง�?เพื่อคาดการณ์และทำนายระยะเวลาที่มวลน้ำเค็มเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที�?เกษตรกรจะมีเวลาในการเตรียมตัวรับมือได้อย่างทันท่วงที�?รวมถึงสร้างเครือข่ายการแจ้งเตือนน้ำเค็มระหว่างกลุ่มผู้ใช้น้ำขนาดเล็กระดับเขต ก่อนขยายไปสู่เขตอื่นที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปีหน้า�?อนุสรณ�?/strong> กล่าวทิ้งท้า�?/p>The post มจ�? พัฒน�?“ทุ่นตรวจวัดและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำพลังงานแสงอาทิตย์�?แบบเรียลไทม์ เฝ��าระวังและแจ้งเตือนการรุกล้ำของน้ำเค็มแก่เกษตรกร �?ชุมชนริมคลอง first appeared on Green Network.

Green Technology & Innovation | Green Network

Green Network — Mon, 27 Nov 2023 08:44:21 +0000

กรุงเทพฯ�?– 24 พฤศจิกาย�?2566 : ศาสตราจารย�?ดร.ชูกิ�?ลิมปิจำนงค�?ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้ว�?พรพรหม �?�? วิกิตเศรษฐ�?ที่ปรึกษ�?ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “ต้นแบบสวนนันทนาการอากาศสะอาดเพื่อเมืองน่าอยู�?#8221; หรือ “MagikFresh�?/strong> ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลด��ัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็�?PM2.5 ด้วยการออกแบบโครงสร้างกึ่งเปิดขนาดย่อมบนพื้นที่ 100 ตารางเมต�?พร้อมติดตั้งเครื่องกรองฝุ่น PM2.5 เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ทำกิจกรรมนันทนาการและพักผ่อนหย่อนใจ�?เนื่องจากภายในจะมีอากาศสะอาดและช่วยลดฝุ่น PM2.5 จากภายนอกได้ โดยความร่วมมือกับสำนักสิ่งแวดล้อ�?กรุงเทพมหานคร ที่ได้ให้การสนับสนุนพื้นที่บริเวณอุทยานสวนจตุจักร เพื่อติดตั้งและทดสอบการใช้งาน ภายใต้บันทึ��ข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาระหว่างกรุงเทพมหานคร แล�?สวทช.

ศาสตราจารย�?ดร.ชูกิ�?ลิมปิจำนงค�?/span> ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษ�?วิทยาศาสตร�?วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ดำเนินโครงการภายใต้ แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริย�?และได้รับการพิจารณาเป็นโครงการสำคัญป�?2566 (ตามมติคณะรัฐมนตร�?เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกาย�?2564 ภายใต้ชื่อ�?strong>ครงการนวัตกรรมสวนนันทนาการอากาศสะอาดเพื่อเมืองน่าอยู�?โดยม�?ดร.พรอนงค�?พงษ์ไพบูลย�?เป็นหัวหน้าโครงการ�?เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยสร้างสรรค์พื้นที่สวนสำหรับการทำกิจกรรมนันทนาการและพักผ่อนหย่อนใจ ในช่วงที่มีปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็�?PM2.5 โด�?สวทช. ได้คิดค้นรูปแบบโครงสร้างที่สามารถควบคุมการไหลเวียนของอากาศภายในพื้นที่กึ่งปิดกึ่งเปิดโดยฝุ่น PM2.5 จากภายนอกไม่สามารถเข้ามาได้ ร่วมกับนวัตกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพการกรองฝุ่น PM2.5 เพื่อสร้างพื้นที่อากาศสะอาดให้หายใจได้เต็มปอดโดยไม่ต้องกังวลต่อมลพิษฝุ่�?PM2.5 โครงสร้างได้ถูกออกแบบให้สามารถถอดประกอบเพื่อการขนย้ายไปติดตั้งใช้งานในสถานที่ต่า�?�?ที่ประสบปัญหาฝุ่�?PM2.5 ได้�?โดยสำนักสิ่งแวดล้อ�?กท�? สนับสนุนสถานที่สาธิตนวัตกรรมสวนนันทนาการอากาศสะอาดเพื่อเมืองน่าอยู�?�?สวนจตุจักร ระหว่างเดือนพฤศจิกาย�?2566 – พฤษภาคม�?2567 เป็นระยะเวล�?7 เดือน

อย่างไรก็ตาม สวทช. ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาของฝุ่�?PM2.5 มาโดยตลอดช่ว�?4-5 ปีที่ผ่านม�?โดยงานวิจัยและพัฒนาของ สวทช. แบ่งออกเป็�?3 กลุ่�?ได้แก่ 1.ด้านการรับมือที่ต้นตอของปัญห�?มีการวิจัยพัฒนาเชื้อเพลิงการเผาไหม้ โดยการพัฒนาคุณภาพของสูตรน้ำมันเชื้อเพลิงไบโอดีเซล B10 และเพิ่มคุณภาพน้ำมันดีเซลด้วยกระบวนกา�?Hydrotreating ทั้งสองเชื้อเพลิงเป็นการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ

ด้านการตรวจวัดและระบบสารสนเทศ มีการวิจัยพัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่า PM 2.5 ด้วยเทคนิ�?Quartz Crystal Microbalance (QCM) ที่มีความแม่นยำสูง และการใช�?Supercomputer เพื่อคาดการณ์ระดั�?PM2.5 ล่วงหน้า

ด้านการป้องกัน มีการวิจัยพัฒนาหน้ากากอนามัย nMask : Non-biological Mask ที่ได้ผ่านการทดสอบจากองค์กรมาตรฐานสากล (Nelson laboratory USA) ซึ่งสามารถกรองเชื้อไวรั�?แบคทีเรี�?จุลินทรีย์ คาร์บอนมอนนอกไซด�?ไฮโดรคาร์บอน รวมทั้�?PM2.5 และการวิจัยพัฒนาเครื่องกรองฝุ่นละอองและกำจัดเชื้อโรคในอากาศ หรือเรียกว่�?IonFresh+ ซึ่งเป็นผลงานของทีมวิจัยเดียวกันกับที่พัฒนาสวนนันทนาการอากาศสะอาดเพื่อเมืองน่าอยู่นี้

“การพัฒนาเทคโนโลยีการกรองฝุ่�?PM2.5 นี�?ยังสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิ�?BCG ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศในระยะยาวและเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ที่ระบุไว้ในยุทธศาสตร์ว่�?“ประเทศไทยมีความมั่นค�?มั่งคั่ง ยั่งยื�?เป็นประเทศพัฒนาแล้�?ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”�?ศาสตราจารย�?ดร.ชูกิ�?กล่า�?/p>

ด้านพรพรหม �?�? วิกิตเศรษฐ�?/strong> ที่ปรึกษ�?ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร พร้อมสนับสนุนต้นแบบสวนนันทนาการอากาศสะอาดเพื่อเมืองน่าอยู�?และยินดีที่ได้สนับสนุนการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม�?ที่ผ่านม�?กท�?มี��วามพยายามในการแก้ปัญหามลพิษ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ภายใต้ความร่วมมือจากหลายภาคส่วนรวมถึงการพยายามแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น กลาง ยา�?โดยการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นตอของแหล่งกำเนิดฝุ่นรวมถึงการบำบัดอากาศซึ่งเป็นปลายทาง

เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาฝุ่�?PM2.5 ผลงานของ สวทช. ที่ทาง กท�?ได้ใช้อยู่ด้วยแล้วคื�?Traffy Fondue ที่จะเป็นการช่วยแจ้งเตือน เฝ้าระวังปัญหาต่า�?�?ในพื้นที�?กท�? ซึ่งประชาชนสามารถมีส่วนร่วมถ่ายรูปและส่งทางไลน�?เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็�?/p>

“สำหรับผลงานวิจัยต่า�?�?ของสวท�? ทา�?กรุงเทพมหานคร มีความยินดีที่จะสนับสนุนและใช้แก้ปัญหาเพื่อตอบโจทย์ด้านมลพิษของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาของฝุ่น PM2.5 ที่เป็นปัญหาของเมืองใหญ่�?ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อสังคม สุขภาพและคุณภาพชีวิตชาวเมือง ซึ่งการมีความร่วมมือกันครั้งนี้ถือเป็นการป้องกันและเป็นตัวช่วยบรรเทาปัญหาเพื่อให้ประชาขนมีทางเลือกในการเข้าถึงนวัตกรรมและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น�?พรพรหม กล่า�?/p>
หากหน่วยงานที่สนใจต้อ��การใช้สวนนันทนาการ สามารถติดต่อได้ที่กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG), ทีมวิจัยนวัตกรรมไร้สายและระบบ��ัจฉริย�?(WIS) ศู�?/strong>ย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. โท�? 0 2564 6900
The post สวทช. จับม��อ กท�? โชว์ต้นแบบสวนนันทนาการอากาศสะอาด แหล่งฟอกปอดแห่งใหม�?ไร้ฝุ่�?PM2.5 กวนใจที่สวนจตุจักร first appeared on Green Network.

Green Technology & Innovation | Green Network

Green Network — Tue, 19 Sep 2023 03:05:27 +0000

มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่งมอบนวัตกรรม “ต้นแบบการผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลวัวและมูลกระบือระดับครัวเรือน�?แก�?เทศบาลตำบลบ้านผือ อำเภอหนองเรื�?จังหวัดขอนแก่น ช่วยชุมชนประหยัดค่าใช้จ่าย และใช้ประโยชน์จากวัสดุเ��ษเหลือภายใต้แนวคิดของเสียเป็นศูนย์ได้อย่างแท้จริ�?/strong>

ศาสตราจารย�?ดร.ธิดารัตน�?บุญมาศ (ขว�? แล�?ศาสตราจารย�?ดร.อลิศรา เรืองแส�?(ซ้าย)

เมื่อเร็วๆนี�?ศาสตราจารย�?ดร.ธิดารัตน�?บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิ�?มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) พร้อมด้ว�?ศาสตราจารย�?ดร.อลิศรา เรืองแส�?/strong> นักวิจัยคณะเท��โนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น, นายสุริยันต์ บุญพิโ�?ผู้ช่วยนักวิจั�? ชลธิ��า มามิมิ�?ผู้ช่วยวิจัย และคณะ เดินทางไปส่งมอบนวัตกรรม ภายใต้โครงการทุนสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและวิสาหกิ�?“ต้นแบบกระบวนการผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลวัวและมูลกระบือระดับครัวเรือน�?ให้แก่เทศบาลตำบลบ้านผือ อำเภอหนองเรื�?จังหวัดขอนแก่น โดยมีนายสุรชัย พลทะอินทร์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านผือ พร้อมด้วยนายทองไสย�?ไชยบุตรด�?รองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านผือ และผู้นำชุมช�?เป็นผู้แทนในการรับมอบนวัตกรรม

ศาสตราจารย�?ดร.ธิดารัตน�?/strong> กล่าวว่า วันนี้มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้มาส่งมอ�?“ต้นแบบกระบวนการผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลวัวและมูลกระบือระดับครัวเรือน�?อย่างเป็นทางการแก่เทศบาลตำบลบ้านผือ หลังจากได้ลงพื้นที่มาศึกษาดูงา�?และติดตั้งเครื่องให้ชุมชนได้ทดลองใช้มาระยะหนึ่งแล้ว ภายใต้โครงการทุนสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและวิสาหกิ�?/p>
“ต้นแบบกระบวนการผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลวัวและมูลกระบือระดับครัวเรือนนี�?มหาวิทยาลัยได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงสังคม ซึ่งเป็นผลงานนวัตกรรมที่ชุมชนได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง และหวังว่าจะสามารถต่อยอดไปสู่การใช้ประโยชน์เป็นวงกว้างในอนาคตต่อไป�?/p>

ขณะที่นายสุรชั�?พลทะอินทร์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านผือ กล่าวว่า เทศบาลตำบลบ้านผือ รู้สึกขอบคุณมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นอย่างยิ่งที่ได้พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ เทศบาลตำบลบ้านผือ จะใช้ต้นแบบนวัตกรรมนี้ เป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที�?เพื่อให้ชุมชน/ครัวเรือน สามารถพึ่งพาตนเองได้ทางด้านพลังงา�?ลดค่าใช้จ่ายค่าเชื้อเพลิงสำหรับการหุงต้มในครัวเรือน และการใช้ประโยชน์จากกากตะกอนที่เหลือจากการหมัก รวมทั้งจะได้นำไปพิจารณาต่อยอดการใช้ประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไ�?/p>
ขณะที่ ศาสตราจารย�?ดร.อลิศรา ระบุว่�?ต้นแบบการผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลวัวและมูลกระบือระดับครัวเรือน ประกอบด้วยตัวถังหมักสำหรับเติมมูลวั�?มูลกระบื�?ซึ่งภายในถังหมักจะมีใบกวนผสมมูลสัตว์อยู่ด้านในเพื่อให้มูลสัตว์ภายในถังหมักเกิดการผสมได้ดีและก่อให้เกิดแก๊�?โดยตัวแกนหมุนใบผสมนี้ทางทีมวิจัยได้นำแผงโซลาเซลล์มาช่วยเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าไฟของชุมชนด้ว�?/p> สำหรับแก๊สชีวภาพที่ได้จากถังหมักจะผ่านตัวกรองชีวภา�?โดยมีผงเหล็กออกไซด์เป็นตัวดูดซับแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์หรื�?“แก๊สไข่เน่า�?ทำให้แก๊สที่ผลิตไปให้ชุมชนใช้งานไม่มีกลิ่นเหม็นหลงเหลืออยู่ ก่อนเข้าถุงเก็บแก๊สที่มีการต่อท่อไปยังเตาในครัวเพื่อใช้ในการประกอบอาหารทดแทนแก๊สหุงต้ม

เมื่อชุมชนต้องการใช้งานก็มีวิธีง่าย �?เพียงแค่นำมูลวัวหรือมูลกระบือเทลงไปในถังหมักแล้วรอประมาณ 1 คื�?เพื่อให้เกิดกระบวนการหมักและผลิตแก๊�?เช้าวันถัดมาก็จะสามารถเปิดถุงแก๊สเพื่อให้แก๊สไหลไปกับท่อที่ฝังอยู่ใต้ดินเข้าไปในเตาไฟที่ครัวและใช้งานได้ทันทีเหมือนแก๊สหุงต้มทั่วไ�?ส่วนกากตะกอนที่ได้จากระบบผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลสัตว์จากถังหมักก็สามารถถ่ายออกจากถังหมักแล้วนำไปเป็นปุ๋ยรดน้ำต้นไม้ หรือนำไปทำให้แห้งก่อนจะอัดเป็นถ่านอัดแท่งได�?br /> “ผลงานชิ้นนี้เป็นความภูมิใจของนักวิจัยที่ได้นำนวัตกรรมมาสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน และให้ทุกคนได้เห็นประโยชน์จากวัสดุเศษเหลือต่าง �?เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทนและพึ่งพาตนเองได้�?/p>
ทั้งนี�?ในอนาคตหวังว่าจะสามารถต่อยอดไปใช้ได้กับทั้งโรงเรียนหรือวั�?เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์เป็นวงกว้าง ลดค่าใช้จ่ายและใช้ประโยชน์จากวัสดุเศษเหลือภายใต้แนวคิดของเสียเป็นศูนย์ ได้อย่างแท้จริ�?/p>

ด้าน นางรุจิกาญจน�?พลตรีนิษฐากุ�?/strong> หรือ ป้าถนอ�?/strong> อายุ 50 ปี ชาวบ้านในชุมชนเทศบาลตำบลบ้านผือ กล่า�?ปกติเลี้ยงกระบื�?9 ตัวทำให้ในแต่ละวันมีมูลมากแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ บางครั้งก็นำไปทิ้ง นำไปกองรวมกันไว้ หรือนำไปเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้บ้าง เมื่อมีเครื่องต้นแบบกระบวนการผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลวัวและมูลกระบือระดับครัวเรือนเข้าม�?ได้ลองใช้งานมาประมาณ 7 เดือน พบว่าใช้งานง่ายทำกับข้าว นึ่งข้าวได้สบา�?/p>
“มูลกระบือ 1 ถั�?ใช้ทำกับข้าวได้ถึง 3 มื้อ ในบ้านอยู่กั�?2 คน ปกติซื้อแก๊สถั�?LPG ที่ใช้หุงต้มทั่วไป 1 ถั�?ถังล�?473 บา�?ใช้ได้ 2 เดือน ตอนนี้ประหยัดไ�?3 ถั�?คิดเป็นเงินกว่�?1,000 บา�?รู้สึกดีใจมากที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นนำนวัตกรรมนี้เข้ามาให้ได้ใช้แบบนี้�?/p>
The post มข. มอบนวัตกรร�?“ผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลสัตว์ภายใต้แนวคิดของเสียเป็นศูนย์�?ช��วยชุมชนประหยัดค่าใช้จ่าย first appeared on Green Network.

Green Network — Wed, 23 Aug 2023 08:57:35 +0000

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดตัวนวัตกรรมเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยื�?“อ��วาเจด�?(AquaJade) ผลิตภัณฑ์สาหร่ายเซลล์เดียวเพื่อควบคุมโรคระบาด ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่มีความท้าทายในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำในปัจจุบัน�?โด�?“อควาเจด�?มีศักยภาพกระตุ้นความสามารถของอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้�?ช่วยจัดการกับความเสียหายจากโรคระบาดและส่งเสริมแนวทางการเพาะเลี้ยงสัต��์น้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อ�?/strong>

อาหารผสมผงอควาเจด

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านม�?ประเทศไทยประสบปัญหาการลดลงของปริมาณกุ้งส่งออกอย่างต่อเนื่องจากการผลิตกุ้งได้ 400,000 ตั�?ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่�?1 แสนล้านบาท ในปี �?�? 2553 ลดลงเหลือ 148,000 ตั�?ซึ่งคิดเป็นเงิ�?4 หมื่นล้านบาท ในปี �?�? 2565 ผลผลิตที่ลดลงอย่างมากนี้อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกั�?เช่�?ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในตลาดสำคั�?การแข่งขันสูงกับประเทศคู่แข่�?และที่สำคัญที่สุดคือ ความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากการระบาดของเชื้อโร�?การระบาดดังกล่าวนำไปสู่การสูญเสียอย่างร้ายแร�?ซึ่งมักจะสูงถึ�?60% ของผลผลิตทั้งหมด ทำให้โอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมลดลง การจัดการปัญหาการติดเชื้อในฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยยาปฏิชีวนะหรือสารเคมีภัณฑ์อื่น �?จึงถูกนำมาใช้ฆ่าแบคทีเรียและปรสิตก่อโร�?/p>
ด้วยเหตุนี้ ดร.วรรณวิมล ศักดิ์เสมอพรห�?แล�?ดร.เพทาย จรูญนารถ 2 นักวิจัยจากไบโอเทค สวทช.

จึงได้พัฒน�?นวัตกรรมเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยื�?“อควาเจด�?(AquaJade) ผลิตภัณฑ์สาหร่ายเซลล์เดียวเพื่อควบคุมโรคระบาด

ดร.เพทาย จรูญนารถ นักวิจัยไบโอเทค กล่าวว่า สารเคมีไม่สามารถป้องกันโรคที่เกิดจากไวรัสได้ และเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ยาปฏิชีวนะจะปนเปื้อนในผลผลิตสัตว์น้�?ซึ่งอาจส่งผลเหนี่ยวนำให้สิ่งมีชีวิตในห่วงโซ่อาหารลำดับถัดไปเกิดการดื้อยาปฏิชีวนะได�?ฉะนั้นเพื่อต่อสู้กับความท้าทายเหล่านี�?“อควาเจด�?/strong> ได้นำเสนอเทคโนโลยีรูปแบบใหม่เพื่อการจัดการโรคระบาดในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้�?โดยได้ใช้ประโยชน์จากสาหร่ายสีเขียวเซลล์เดียวซึ่งเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของสัตว์น้ำขนาดเล็กหลายชนิ�?เช่�?ลูกกุ้งและลูกปลา เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคในลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อ�?/p>

เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและการนำไปใช้ได้จริง สาหร่ายเซลล์เดียวจะต้องผ่านกระบวนการทำสาหร่ายแห้งก่อนผสมอาหาร ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดความเสี่ยงที่จะเกิดการปนเปื้อนของสาหร่ายดัดแปลงพันธุกรรมในสิ่งแวดล้อม โด�?ผงสาหร่ายที่ได้จากการทำแห้งนี้ สามารถนำไปผสมเพื่อขึ้นรูปเป็นเม็ดอาหารสำหรับกุ้ง ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งในการประยุกต์ใช้เพื่อการป้องกันโรคและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยื�?/p>

ดร.วรรณวิมล ศักดิ์เสมอพรห�?กล่าวว่าในการทดสอบอาหารผสม “อควาเจด�?/strong> การให้ลูกกุ้งกินอาหารปกติเปรียบเทียบกับอาหารผสมผ�?“อควาเจด�?/strong> ในอัตราส่ว�?1:1 เป็นเวล�?4 วันก่อนการติดเชื้อไวรัสตัวแดงดวงขา�?พบว่�?ในวันสุดท้ายของการทดสอ�?อัตรารอดของลูกกุ้งในกลุ่มที่กินอาหารปกติมีน้อยกว่า 10% ในขณะที่อัตรารอดของลูกกุ้งในกลุ่มที่กินอาหารผส�?“อควาเจด�?สูงถึงเกือบ 70%�?/p>
สาธิตทดสอบการกินสาหร่ายอควาเจดในลูกกุ้�?/figcaption>

แม้ว่าศักยภาพของ “อควาเจด�?ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้นจะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างน่าพึงพอใจ แต่ผลิตภัณฑ์ยังคงมีความท้าทายในด้านการผลิตในปริมาณมา�?โดยการเพาะเลี้ยงสาหร่ายดัดแปลงพันธุกรรมในลักษณะนี�?จะต้องดำเนินการในระบบปิดภายใต้สภาวะควบคุมที่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เป็นไปตามกฎหมายของแต่ละพื้นที�?รวมถึงยังมีความจำเป็นต้องศึกษาอายุการเก็บรักษา และปริมาณสาหร่ายที่เหมาะสมที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรั�?เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจเทคโน (techno-economic) รวมถึงต้นทุนที่ใช้ที่ส่งผลให้เห็นผลชะลอการตายของกุ้งจากโรคไวรัสได้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำตามเวลาที่เปลี่ยนไป เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและผู้ส่งออกของไทยจะมีโอกาสในการปรับรูปแบบธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแนวใหม่ เพื่อการผลิตกุ้งระดับพรีเมียมซึ่งสอดคล้องกับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน รวมไปถึงผลกระทบจากภาวะโลกรวนที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันนี�?“อควาเจด�?/strong> ไม่ได้เพียงแต่ช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้�?แต่ยังแสดงถึงกระบวนการผลิตกุ้งด้วยระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้ว�?/p>
“ด้วยการสนับสนุนจากภาคส่วนรัฐบาล ผู้ลงทุนภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่�?�?“อควาเจด�?/strong> พร้อมแล้วที่จะดึงดูดความสนใจของนักลงทุนจากทั่วโล�?ด้วยความร่วมมือกับผู้ที่มีบทบาทหลักในอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้�?ทีมวิจัยมีความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดการค้นพบของเราให้เป็นประโยชน์ที่สามารถจับต้องได้สำหรับผู้ผลิตกุ้�?ผู้ส่งออ�?และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด นำไปสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมกุ้งไทยที่มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดอย่างยั่งยืน�?ดร.วรรณวิมล กล่าวสรุ�?/p>The post ไบโอเทคพัฒน�?“อควาเจด�?นวัตกรรมสาหร่ายสีเขียวเซลล์เดียวต้านโรคไวรัสเพื่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้�?ปฏิวัติวงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยื�?/a> first appeared on Green Network.